fiction : Rain in your eyes 7 [ตอนจบ]
Author : froridy
Relationships : Kagami Taiga x
Takao kazunari / Midorima x Takao / Kagami x Himuro / Murasakibara x Himuro
Fandom : Kuroko no basuke
Warning : Yaoi
Note : เราเลือกที่จะจบแบบนี้ค่ะ...จริงๆไม่ได้คิดเลยว่าจะให้จบแบบนี้
ฮ่าๆ
Summary: เราไม่ได้โหยหาช่วงเวลาหนึ่งที่เราเคยมีร่วมกัน
แต่เราโหยหาช่วงเวลาหลังจากนั้นที่เราอยากจะมีเมื่ออยู่เคียงข้างกันต่างหาก
ไม่ว่ามันจะเรียกว่ารักหรืออะไรก็ตามที
ทาคาโอะเคยดูหนังอยู่เรื่องหนึ่ง
มันมีคำคมที่น่าสนใจว่า บางทีนี่อาจไม่ใช่ความรัก
แต่เรากำลังโหยหาช่วงเวลาที่เราเคยมีร่วมกันกับใครคนหนึ่ง
และเราก็เข้าใจผิดไปว่ามันเป็นความรัก
ทาคาโอะคิดว่าน่าจะใช้ได้กับกรณีของเขาในตอนนี้
ทาคาโอะคบกับมิโดริมะแล้ว
แต่ทุกคืน...ยามเมื่อเอนกายนอนลงบนเตียง ทาคาโอะมักจะฝันเห็นคางามิ
เรือนร่างสูงใหญ่ที่โน้มอยู่เหนือเขา ผมสีแดงสลับดำ
เหงื่อที่ไหลลงมาตามขมับและสันกราม มีไฟลุกไหม้อยู่ในดวงตาที่ทอดต่ำ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้น ไหล่กว้างแข็งแรงตั้งฉากสง่างามเหนือแผ่นอกสีน้ำผึ้งที่สะท้อนขึ้นลง
แผ่คลื่นกระจายลงมายังกล้ามท้อง
ทาคาโอะกลืนน้ำลาย
เขาหน้าแดง เหมือนยังได้กลิ่นของคางามิอยู่
กลิ่นอบอุ่นเหมือนกับแดดที่ส่องหลังฝนซา
พอตื่นขึ้นมา
ทาคาโอะได้แต่ซุกหน้าลงกับเข่าด้วยความละอายใจ คางามิไม่ใช่คนที่เขาควรจะคิดถึงอีก
“โอ๊ะ
กี่โมงแล้วเนี่ย” ทาคาโอะอุทาน เงยมองนาฬิกาติดผนังแล้วร้องโวยวาย
“ก...ใกล้จะแปดโมงแล้ว ยัยเบ๊อะ ทำไมไม่ปลุกพี่ฮะ!” ตะโกนเสียงดัง
สักพักน้องสาวก็เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้างัวเงีย
“วันนี้วันหยุดของหนูนะ
มันหน้าที่อะไรที่ต้องคอยมาปลุกพี่ด้วยเล่า!”
ทาคาโอะผุดลุกจากเตียง
หมอนข้างผ้าห่มร่วงลงพื้นเพราะโดนเท้าเกี่ยวตกอย่างเร่งรีบ
“ฝากเก็บด้วยนะน้องสาว”
คว้าผ้าเช็ดตัว วิ่งเข้าห้องน้ำด่วนจี๋
“หนูเป็นน้องพี่นะ
ไม่ใช่คนรับใช้” เด็กสาวบ่น แต่ก็ยอมเก็บให้ เธอพับผ้าไปหาวไป
สุดท้ายก็ล้มตัวลงนอนทับผ้าห่มที่ตัวเองพับ ทาคาโอะนุ่งผ้าออกมาจากห้องน้ำแล้วตกใจ
เพราะเห็นน้องสาวยังอยู่ในห้อง
“กลับห้องตัวเองไปสิยัยบ๊อง”
น้องสาวงึมงำพลิกหนี
ทาคาโอะจึงเปิดตู้คว้าชุดแต่งกายอย่างรวดเร็ว มองนาฬิกาเพื่อกะเวลาไปด้วย
นาทีต่อมามิโดริมะโทรมาเร่งเขาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ทั้งยังบ่นเป็นชุดอีกต่างหาก
ทาคาโอะกลอกตา รับคำส่งเดช ทำปากล้อเลียนไปด้วย
อย่านึกว่าคบกันแล้วจะเข้ามาควบคุมชีวิตเขาได้ ไม่มีทางเสียหรอกเจ้าแว่น
“ออกมาได้แล้ว
ฉันรออยู่หน้าบ้านนาย”
ทาคาโอะสะดุ้ง
กรอกเสียงกลับไป “ก็ไหนว่าเจอกันที่สนามไงล่ะชินจัง” สะพายกระเป๋า
กดเปิดแอร์อีกครั้ง ดึงผ้าห่มให้น้อง แล้วเดินออกจากห้อง
“คาซุนาริ
ไม่ทานข้าวเช้าก่อนหรอลูก” แม่ทักจากในครัว
“เดี๋ยวผมหาทานระหว่างทางเองครับ”
“ไปดีมาดีนะ”
แม่อวยพร ทาคาโอะขานรับ ก่อนจะกดวางสาย เปิดประตูออกไปหาเจ้าของเสียงตัวจริงที่รั้งรอหน้ารั้ว
มิโดริมะดูกังวลเล็กน้อย พอเห็นหน้าเขาก็ปรับบุคลิกให้ขรึม
แต่ทาคาโอะแอบเห็นว่าแก้มขาวๆ นั้นแดงเรื่อขึ้นมา
ทั้งยังขยับแว่นมั่วซั่วจนนิ้วทิ่มตาอีกต่างหาก
“อุ๊บ
ฮ่าๆๆ” ทาคาโอะหัวเราะอย่างเหลืออด “ชินจังซุ่มซ่าม”
มิโดริมะหลบสายตา
“มันเป็นอุบัติเหตุต่างหาก” ดันแว่นด้วยนิ้วชี้แก้เก้อ
แต่นิ้วดันสอดเข้าไปใต้แว่นทิ่มตาอีกที เด็กหนุ่มผมเขียวหน้าแดงแป๊ด น้ำตาซึม
ทาคาโอะกลั้นขำ ตบไหล่ร่างสูงเป็นเชิงปลอบใจ
“ทาคาโอะ...”
เรียกรั้งไว้เมื่อทาคาโอะดูนาฬิกา
แล้วทำท่าจะวิ่งนำไปก่อน “ชินจัง ถ้าไม่รีบเราจะสายเอานะ”
“ฉันเจ็บตา”
ทาคาโอะหันกลับมา
คิดว่าน่าจะเพราะความเปิ่นเมื่อครู่นี้ “ไหน ดูซิ” ทาคาโอะถอดแว่นมิโดริมะออก
“ก็ดูไม่ผิดปกติอะไรนะ อืม...แต่ว่ามีฝุ่นเกาะขนตาล่างนายอ่ะ ให้หยิบออกให้ไหม”
“ไม่ต้อง”
ทาคาโอะพยักหน้า
“โอเค จะหยิบออกเองใช่ป่าว เอากระจกไหม” รื้อช่องเล็กของกระเป๋า
แต่มิโดริมะจับข้อมือทาคาโอะ แล้วดึงเข้ามาจนชิดใกล้
“เป่าให้หน่อยสิ”
“อะไร
จะเลียนแบบซีรีย์เกาหลีหรอ” ทาคาโอะหยอกล้อทั้งที่เริ่มเขินขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่นึกว่ามิโดริมะยามหายซึนจะรุกแบบไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแบบนี้
“เร็วเข้า
ไม่งั้นสายนะ” มิโดริมะเร่ง ทาคาโอะถอนใจบ่นอุบ “ถ้างั้นก็ก้มลงมาหน่อย”
“เขย่งเอาสิ”
“ชินจัง!”
มิโดริมะยักคิ้ว
ดูเจ้าเล่ห์แสนกลจนน่าหมั่นไส้ ทาคาโอะจำใจเขย่งปลายเท้า
เอื้อมมือประคองใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายไว้ แล้วดึงให้โน้มลงมา
“แถมน้ำลายด้วยดีมั้ยเนี่ย”
“อย่าเชียวนะ”
มิโดริมะเอ็ดเสียงขุ่น
“คร้าบๆ
เอ้า ฝุ่นจงหายไป ฟู่ววว”
มิโดริมะยิ้มขัน
ทาคาโอะเองก็ขำ ทว่าเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว
‘ว่าง่ายดีนี่นา’
คางามิย่อเง่าคุยกับเขา แล้วทาคาโอะก็เถียงอย่างอายๆ ว่า ให้ก้มก็พอ ไม่ต้องงอเข่า
“ไปกันเถอะ
ทาคาโอะ” มิโดริมะยื่นมือให้ “เร็วสิ”
ทาคาโอะยิ้มและคว้าจับมือเรียวข้างนั้น
แกว่งไปมาพลางเงยหน้ายิ้มแย้มให้คนรัก
มิโดริมะเองก็คลี่ริมฝีปากอ่อนโยนกลับมาเช่นกัน
ทว่าไม่นานหลังจากนั้น...ทาคาโอะก็เผลอคลายมือลง
แมตวันนี้เป็นศึกชี้ชะตาระหว่างเซย์รินกับราคุซัน
ทาคาโอะนั่งอยู่ข้างมิโดริมะ
เขาหันไปยิ้มพะเน้าพะนอรุ่นพี่มิยาจิที่กำลังบ่นเป็นไฟว่าเขามาสายไปห้านาที
ส่วนมิโดริมะไม่ได้สำนึกผิดเลย เด็กหนุ่มจ้องเขม็งลงไปยังสนามที่ว่างเปล่าอยู่
เสียงเชียร์กระหึ่มขึ้นเมื่อกลุ่มชายชุดขาวฟ้าเดินออกมาจากฝั่งตรงข้าม นำโดย
อาคาชิ เซย์จูโร่ อดีตกัปตันทีมปาฏิหาริย์ และกระหึ่มอีกรอบแม้จะเบากว่า
เมื่อทีมเซย์รินเดินออกมา คางามิยืนหันหลังให้ทางนี้อยู่
ร่างสูงใหญ่กำลังวอร์มร่างกายและถกเถียงกับคุโรโกะ
ทาคาโอะใจหายวูบเมื่อคางามิหันมายิ้ม โบกมือ เกือบจะนึกว่าโบกมือให้เขาเสียอีก
ถ้าไม่หันไปเห็นฮิมุโระที่นั่งถัดลงมาไม่ห่างนักกำลังโบกมือเชียร์อยู่
เขาเผลอกำชายเสื้อแน่น
ความรู้สึกนี้มันอะไรกันหรอ?
ทาคาโอะแตะแขนมิโดริมะ แล้วแกล้งไถหัวใส่ เลยโดนยันหน้าผากสวนมา
ทาคาโอะหัวเราะ นี่ต่างหากคนที่ทาคาโอะรัก
“คางามิคุง
การแข่งจะเริ่มแล้วนะครับ” คุโรโกะเรียกคู่หูซึ่งยืนเหม่อมองขึ้นไปบนอัฒจรรย์
ฮิวงะเรียกรวมพล
พวกเขากอดคอกันพร้อมร้องปลุกใจเสียงดังลั่น คางามิพยายามไม่คิดถึงภาพของทาคาโอะ
เขามองหาฮิมุโระบนที่นั่ง ไม่ได้ตั้งใจจะเห็นทาคาโอะเสียหน่อย
“มีสมาธิหน่อยครับ
ศึกนี้สำคัญกับพวกเรามากนะครับ” คุโรโกะเตือนสติ
คางามิจึงสลัดความว้าวุ่นออกไปจากหัวก่อน เด็กหนุ่มปิดเปลือกตาลง ก่อนจะเปิดขึ้นด้วยสายตามุ่งมั่น
บรรจุด้วยเปลวไฟแห่งความหวัง เขาคือเอซ เขาแบกรับความหวังของทีมเอาไว้
คางามิก้าวเข้าสู่สนาม ส่งสายตาท้าทายไปยังฝ่ายตรงข้าม เสียงนกหวีดดังขึ้น
ใจของทาคาโอะติดตามจังหวะลมหายใจของคางามิที่โลดแล่นไปทั่วสนาม
มิโดริมะตั้งใจดูเกมการแข่งขันนี้มาก โดยพุ่งเป้าความสนใจไปที่อาคาชิ
แม้ทาคาโอะจะสนใจสกิลที่พัฒนาขึ้นของเงาแห่งเซย์ริน ทว่าทุกครั้งสายตาของเขามาหยุดอยู่ที่คางามิ
เพราะฮอว์กอายทำให้เห็นชัดกว่าคนทั่วไป เห็นไปถึงความรู้สึกที่แสดงออก
ไม่ว่าคางามิจะสนุกสนาน หรือเคร่งเครียด ทาคาโอะเอาใจช่วยคางามิสุดแรง
กาลเวลายืดยาวหน่วงความรู้สึก
ผลัดกันเพลี่ยงพล้ำ แต่ราคุซันก้าวนำเสมอ
บอลจากมือคางามิลงห่วงไปอีกลูก
ทาคาโอะถอนหายใจ หัวใจเต้นราวจะทะลุจากอก
กลยุทธ์สำคัญ
แต่ไม่มากเท่าแรงใจ เซย์รินเหมือนปลาเกยน้ำตื่นที่กำลังดีดดิ้นหาทางลงน้ำให้ได้
ทาคาโอะกลัวเหลือเกินว่าเซย์รินจะพ่าย ทว่าลึกๆ นั้นเขามั่นใจว่าคางามิจะไม่แพ้
เกมพลิกกลับในช่วงก่อนหมดเวลา
เสียงเชียร์ฝ่ายเซย์รินเริ่มดังกลบฝ่ายราคุซัน ทาคาโอะถึงกับร่วมเชียร์ไปด้วย
มิโดริมะมองเขาแวบหนึ่ง แล้วสังเกตการณ์ในสนามต่อ
ทั้งสองฝ่ายปลดล็อกตัวเองออกจากปัญหาที่เผชิญแต่หนหลัง
นำจิตวิญญาณเข้าต่อกรกันจังๆ
ทาคาโอะมองตามแผ่นหลังของคางามิที่กระทบแสงไฟในสเตเดี้ยม เจิดจรัส สว่างจ้า
“รู้ผลแล้วล่ะ”
มิโดริมะกล่าว เสียงบอลสุดท้ายลงห่วงไป กระดอนตกลงบนพื้น
กองเชียร์ฝั่งเซย์รินโห่ร้องด้วยความดีใจ
หน้าตาแต่ละคนดูไม่ได้เลย
คางามินึก เขาเองก็ต้องเช็ดน้ำตาไปด้วย ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คนที่ร้องไห้ง่ายๆ
แต่ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาสัมฤทธิ์ผลแล้ว ชัยชนะจากความมุ่งมั่นตั้งใจช่างหอมหวานและงดงามยิ่งนัก
อีกประเดี๋ยวจะมีพิธีมอบรางวัล
คุโรโกะกำลังคุยกับอาคาชิที่ดวงตากลับเป็นสีแดงทั้งสองข้างแล้ว
คางามิดีใจที่คุโรโกะปลดความหนักอึ้งในอดีตลง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอัฒจรรย์
เขากำลังจะชูมือให้ฮิมุโระ แต่ตอนนั้นเองเขาเห็นทาคาโอะจ้องมาที่เขา
แล้วยกนิ้วโป้งให้พร้อมกับยิ้มกว้าง หัวใจของคางามิเต้นกระหน่ำ
คางามิก้มหน้าลงหัวเราะ ก่อนจะชูนิ้วโป้งขึ้น ทั้งอัฒจรรย์ส่งเสียงยินดี
พวกเขาอยู่ห่างกันพอสมควร
คางามิอยู่ในสนาม ทาคาโอะอยู่บนที่นั่ง
ความเชื่องช้ามาเยือนดึงเอาความสดใหม่ออกไปจากบรรยากาศ สภาพแวดล้อมคล้ายจะหยุดนิ่ง
เหลือเพียงแค่คางามิกับทาคาโอะเพียงสองคน วันคืนสั้นกระชับหวนเป็นมโนภาพชัดเจนยิ่ง
วิ่งวนอยู่รอบกายเหมือนสายลมแผ่ว เวลากลับมาหมุนอีกครั้งตอนที่ฮิมุโระลงไปหาคางามิ
และมิโดริมะแตะไหล่ทาคาโอะให้ลุกตามรุ่นพี่ออกไป
ทาคาโอะได้ยินเสียงทำนองเพลงมอบรางวัล
เขาเดินตามมิโดริมะจนกระทั่งถึงทางออก นอกสนามกีฬา ฝนเริ่มพร่างพรม
และหยาดฝน...ก็หล่นจากดวงตา
ทาคาโอะรู้ทันทีว่า...ไม่สามารถก้าวตามมิโดริมะได้อีกแล้ว...
คางามิแยกตัวจากคนในทีม
ฮิมุโระกำลังรอเขาอยู่ แต่ขาสองข้างเริ่มหนักจนก้าวได้ช้าลง
เหมือนมีหินถ่วงรอบข้อเท้า ฮิมุโระจึงลงมาหาเอง
“ข้างนอกฝนตกแน่ะ
ได้เอาร่มมามั้ย” ฮิมุโระถาม คางามิกำลังจะบอกว่าเอามา
แต่ความคิดเขาแล่นไปยังคนที่หายไปจากสายตา
ฝนกำลังตกหนัก ทาคาโอะจะเอาร่มมาไหมนะ...
ทางกลับของทีมอยู่คนละทาง
เซย์รินกับชูโตคุอาจจะได้เดินสวนกันผ่านสายฝนอีกรอบ คราวนี้จะเป็นยังไงหรอ?
ภาพที่คางามิเห็นจะไม่ใช่ทาคาโอะที่เดินแอบซ่อนน้ำตากลางฝนอีกแล้ว
เขาสงสัยว่าตัวเองจะรู้สึกอย่างไรหากเห็นทาคาโอะหยอกล้อกับมิโดริมะกลางฝน จะเป็นอย่างไรหากเห็นว่าทาคาโอะไม่ได้เศร้าอีกต่อไป
เพราะเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจากฝนที่หล่นจากดวงตา
หากทาคาโอะมีความสุขกับมิโดริมะแล้ว ฝนคงไม่ตกอีก
“ไทกะ...”
ฮิมุโระกำลังรออยู่ คางามิเงยขึ้นมอง...ด้วยความรู้สึกผกผันไม่เหมือนเดิม
“ทัตสึยะ...ฉัน”
ฟ้าผ่าครืนลงมาอีกครั้ง
พร้อมกับความเข้าใจในทันทีของฮิมุโระ เขาสังเกตคางามิกับทาคาโอะ
ตั้งแต่วันที่เขาไปหาคางามิที่อพาร์ตเม้นต์แล้ว ลึกๆ ฮิมุโระรู้
ตอนที่คางามิกลับมาช่วยเขาจัดโต๊ะอาหาร เศษเสี้ยวแสงสว่างหายไปจากดวงตาและใบหน้า เหมือนว่าทาคาโอะดึงเอามันติดตัวไปด้วย
ฮิมุโระพยักหน้าเข้าใจ
เขาไม่อยากหลอกตัวเองอีกครั้ง จึงจุดยิ้มละไมให้แม้จะดูเศร้าสร้อยก็ตาม
“ไปเถอะ...”
คางามิถึงกับตัวสั่น
เขาดึงร่างของพี่ชายเข้ามากอด ฝังหน้าลงกับบ่าที่เล็กกว่า
ฮิมุโระลูบแผ่นหลังของน้องชายตัวโต เขารู้ว่าบ่ากำลังเปียก
แล้วก็รู้ว่าทำบ่าของคางามิเปียกเช่นกัน
คางามิผละออกจากเขา
ฮิมุโระกลับเป็นพี่ชายใจดีในวัยเด็กอีกครั้ง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับใต้ตาน้องชายให้
“ไม่ว่ายังไง...ในฐานะพี่ชาย
ฉันก็อยากเห็นน้องชายมีความสุขนะ”
“ฉันรักนาย
ทัตสึยะ” คางามิกล่าว ฮิมุโระกลั้นน้ำตาไว้ ฝืนยิ้มสุดความสามารถ
“ฉันรู้...ฉันก็รักนาย”
ฮิมุโระเกือบจะทรุดลงตอนที่คางามิวิ่งออกไปแล้ว
แต่มีใครบางคนประคองเขาไว้
มุราซากิบาระถอดแจ็กเก็ตคลุมศีรษะเขา
“อัตสึชิ...”
“เงียบน่า”
เด็กหนุ่มผมม่วงเอ็ดเสียงเบา เขาวางมือลงบนศีรษะคนอายุมากกว่า แล้วโยกคลอนเบาๆ
ฝนกำลังตกหนัก
คางามิวิ่งออกไปกลางสายฝน มองซ้ายขวา
แลเห็นเครื่องแบบสีส้มของชูโตคุจึงวิ่งเข้าไปคว้าไหล่ใครคนหนึ่ง
มิโดริมะผลักเขาออก
ดวงตาหลังกรอบแว่นชืดชาจนน่าเวทนา
“มิโดริมะ?”
มิโดริมะถอนหายใจ
กลืนน้ำลายเหมือนกำลังกล้ำกลืนอย่างอดทน
“ไม่ใช่ทางนี้”
“หือ?”
“ทาคาโอะไม่ได้อยู่ทางนี้
รีบไปซะก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
“เดี๋ยวสิ...ไม่ใช่ว่านายกับหมอนั่น...”
“เลิกกันเมื่อกี้”
“หา?”
“ถ้าให้พูดซ้ำอีกรอบฉันจะต่อยนาย
ไปให้พ้นตาฉันซะเจ้าบ้า” โบกมือไล่ คางามิไม่มีเวลาโกรธเคือง เขาหันหลังกลับ
แต่มิโดริมะเรียกรั้งไว้อีกครั้ง
“อย่าทำให้ทาคาโอะเสียใจเหมือนฉัน”
คางามิพยักหน้า
รับปาก มิโดริมะสูดลมหายใจก่อนจะเอนพิงผนังตึก คางามิเบือนหันไปทิศตรงข้าม
เราไม่ได้โหยหาช่วงเวลาหนึ่งที่เรามีร่วมกัน
แต่เราโหยหาช่วงเวลาหลังจากนั้นที่เราอยากจะมีเมื่ออยู่เคียงข้างกันต่างหาก
ไม่ว่ามันจะเรียกว่ารักหรืออะไรก็ตามที
ปลายสุดของทางเดินระหว่างตึก
ท่ามกลางม่านฝน ทาคาโอะยืนอยู่ไม่ไกล
ไม่มีคำพูดใดนอกจากน้ำตา
และอ้อมกอดแห่งความไม่คาดฝันที่กาลเวลาโคจรมาพบกัน
----------------------------------------------END---------------------------------------------
Under the red umbrella
'ไม่ว่าฝนจะตกอีกกี่ครั้ง จงจำไว้ว่าร่มคันนี้จะกันฝนให้นายเสมอ'
credit : แฟนฟิคผู้น่ารักท่านหนึ่ง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทุกคนต่างมีความเจ็บปวดที่ต้องแบกรับ
และยอมรับความผิดหวัง เพื่อดำเนินชีวิตต่อไป ตอนแรกเราไม่ได้กะให้สองคนนี้ลงเอยกันเลย แต่แต่งๆ อยู่ ตัวละครไหลไปตามทางของมันเองจนเราฉุกคิดได้ว่า
บางที จะเป็นความรักหรือไม่ ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าความจริงที่ปรากฏ ณ ขณะนั้น
ความผูกพันกับระยะเวลาอันฝังใจ ไม่ได้ตัดสินทุกสิ่ง
ไม่ได้ตัดสินว่าสุดท้ายแล้วหัวใจของเราเลือกใคร ตอนแรกเรากะจบแบบเพลง เราไม่เคยจะรักกัน
มีแต่วันที่อ่อนไหว ผ่านเลยไปและไม่เคยจะกลับมา
เป็นแค่ความประทับใจที่ยังคงแน่นหนา มีแต่ฝนมีแต่ฟ้าที่เข้าใจ...เพลง stay ค่ะ ฮ่าๆ แต่มาย้อนๆ ดูแล้ว
ระหว่างสองคนนี้มันลึกซึ้งกว่านั้น แล้วก็...โป๊ะ นี่ล่ะค่ะ แต่งๆ อยู่ คางามิ
กับทาคาโอะคิดถึงกันเฉย ก็วิ่งกลับมาหากันเฉยเลย...ไม่รู้มีใครผิดหวังตอนจบบ้างไหม
แต่เรื่อง Rain in your eyes ก็จบลงแล้วค่ะ (ถึงแม้จะสงสารมิโดมากก็ตาม)
ปล.มีใครสังเกตบ้างไหมคะ
คางามิไม่เคยคิดหยุดฝนในดวงตาของทาคาโอะเลย แต่เช็ดออกให้เมื่อมันไหลออกมา
ขอบคุณผู้ที่ติดตาม
ทั้งที่คอมเม้นให้กำลังใจเราแบบลับๆ และผู้ที่ตามอ่านเงียบๆ ค่ะ