วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Fanfic KNB [Kagami x Takao] : Rain in your eyes [6]




fiction  : Rain in your eyes 6
Author : froridy
Relationships : Kagami Taiga x Takao kazunari / Midorima x Takao / Kagami x Himuro / Murasakibara x Himuro
Fandom  : Kuroko no basuke
Warning  : Yaoi
Note : -----
Summary: ฝนนอกอาคารค่อยๆ ซาลง และหยุดโปรยปราย




                ไทกะกำลังวิ่งมา...
                ฮิมุโระเห็นร่างสูงใหญ่ของผู้ที่ตนเรียกว่าน้องชายเลือนลางกลางฝน เด็กหนุ่มไม่ได้กางร่ม นั่นทำให้ฮิมุโระเป็นห่วงแม้จะรู้ว่าน้องชายคนนี้แข็งแรงแค่ไหนก็ตาม ก่อนคางามิจะมาถึง ฮิมุโระเฝ้าตำหนิตัวเองจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไปเมื่อวาน และทำให้เขาต้องมายืนรออยู่ที่ชั้นล่างของอพาร์ตเม้นต์
                ฮิมุโระรู้มาตลอดว่าคางามิคิดยังไงกับเขา
                แต่ฮิมุโระไม่แน่ใจ เขาคิดว่าคางามิแยกความรักไม่ออกจากความผูกพันธ์ ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้ว บางทีคางามิอาจจะผูกพันกับเขามาก เพราะเขานำพาบาสเก็ลบอลเข้ามาในชีวิตของเด็กที่เดินเหงาอยู่แถบชานเมืองลอสแองเจลิส พวกเขาบ่มเพาะความสนิทสนมมาหลายปี คางามิไฝ่หาความอบอุ่นอ่อนโยนจากเขา เพราะขาดแม่ เด็กน้อยผมแดงชอบความเอาใจใส่และบางครั้งก็ทำตัวงอแงเป็นเด็กๆ ให้เขาดูแล จนกระทั่งเติบโตขึ้น คางามิหันกลับมาเอาใจใส่เขาแทน และนั่นเป็นการเผยความในใจให้ฮิมุโระรับรู้ผ่านการกระทำ แต่ช่วงนั้นด้วยความริษยาหยั่งรากลึก ศักดิ์ศรีถือตนที่เคยเหนือกว่ามาตลอดทำให้ฮิมุโระมุ่งตรงไปที่พัฒนาการแบบก้าวกระโดดทางด้านบาสเก็ตบอลของคางามิ นั่นทำให้ตัวเองรู้สึกด้อยค่า และรับไม่ได้ที่บทบาทจะสลับกันนับแต่นี้ไป เขาไม่สามารถมองดวงตาใสซื่อเปี่ยมความหวังของคางามิได้อีก มันทำให้อยากกรีดร้องใส่ กับรู้สึกผิดบาปไปพร้อมกัน เขาจึงตัดสัมพันธ์ฉันพี่น้องลงนับแต่นั้น ยิ่งคางามิแกล้งยอมแพ้ เขายิ่งรู้สึกว่าศักดิ์ศรีถูกเหยียบย่ำ ความรักที่แสนดีของคางามิร้ายกาจต่อเขาเสมอ เขารับไม่ไหวหรอก
                ฮิมุโระหันหลังให้น้องชาย เดินร้องไห้จากมา กำปั้นที่เปื้อนเลือดของคางามิกรีดหัวใจเขาเป็นชิ้นๆ
                หลังจากแมตแข่งขันระหว่างโยเซ็นกับเซย์รินจบลง ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้น อาจจะเพราะฮิมุโระได้พบกับมุราซากิบาระก็เป็นได้ เด็กโข่งตัวโตแสนเอาแต่ใจทำให้เขาคิดถึงคางามิวัยเด็ก ทว่ามุราซากิบาระมีส่วนที่ต่างออกไปคือ มุราซากิบาระไม่มีพันธะที่เรียกว่าน้องชายกับเขา พวกเขาคือคู่รัก รักกันอย่างเดียวโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ ไม่มีใครวิ่งตามใครเหมือนที่คางามิเคยวิ่งตามเขา หรือเขามองคางามิที่นำหน้า อยู่ในจุดที่ชอบ มีพื้นที่ส่วนตัว แต่บางครั้งมันก็แสนจะหงอยเหงา ฮิมุโระรู้ว่าตนโหยหาการปกป้องดูแลที่เคยได้รับเมื่อนานมาแล้ว แต่มุราซากิบาระไม่มีให้ มุราซากิบาระคิดว่าเขาดูแลตัวเองได้ ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละ แต่ความคาดหวังไม่เคยสัมฤทธิ์ผล ความเบื่อหน่ายเริ่มมาเยือนจนฮิมุโระเสนอว่าให้ไปเดทกันที่โตเกียว จะได้หลบสายตาคนรู้จักด้วย ปรากฏว่าบังเอิญเจอคางามิที่พรวดพราดเข้ามาในตู้คาราโอเกะจนเกือบจะเกิดเรื่องเกิดราวขึ้น โชคดีที่คางามิตั้งสติทำใจยอมรับได้ ก่อนจะเดินจากไปอย่างสงบ
                แต่หลังจากออกจากตู้นั้น มุราซากิบาระ กับ ฮิมุโระ ไม่เหมือนเดิม
                ความชืดชามาเยือนตอนที่กำลังจูบกัน นับวันยิ่งรุนแรง
                เมื่อวานมุราซากิบาระตัดสินใจบอกเลิกเขา พวกเขาทะเลาะกัน ฮิมุโระถามหาเหตุผล และมุราซากิบาระก็โพล่งออกมาว่า
                “นายมันตาบอดหูหนวก มุโระจิน!
                “ว...ว่าไงนะ?
                เด็กหนุ่มผมม่วงสูดลมหายใจอย่างระงับอารมณ์
                “นายมันจอมหลอกลวง จอมหลบหนี หลอกและหนีแม้กระทั่งกับตัวเอง!
                “อย่าพูดแบบนั้นกับฉันนะอัตสึชิ!
                “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้? ถามจริง นายดูไม่ออกเลยหรอว่าจริงๆ แล้วใครอยู่ในใจนายกันแน่ นายมองใครมาตลอดกันแน่ นายทำให้ฉันเป็นหมาหัวเน่า มุโระจิน”
                “พ...พูดอะไรของนาย อย่ามากล่าวหาฉันมั่วๆ นะ”
                “นายมันก็ดีแต่หนี หนีได้หนีดี ฉันเองก็เบื่อเต็มทนแล้ว เราเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมเหมือนเดิมดีกว่า...”
                “พูดง่ายจังนะ” ฮิมุโระประชด มุราซากิบาระหลุบตามองเขา “มันไม่ง่ายเลยมุโรจิน แต่นายไม่เคยรักฉันเลย”
                มุราซากิบาระถอนใจ ยิ้มบางๆ ดวงตามีแววหวั่นไหว ฮิมุโระจุกในลำคอเมื่อเห็นภาพตัวเองสะท้อนบนกระจกตาสีไวโอเล็ต ความจริงถูกกระเทาะออกมา
                “อย่าตัดสินเอาเอง นายไม่ใช่ฉัน” ฮิมุโระยืนกราน
                “อย่าหนีอีกเลยมุโรจิน พอแค่นี้เถอะ นายจะชกฉันก็ได้”
                ฮิมุโระกำหมัดแน่น แต่ร่างไม่ขยับเขยื้อน ชั่วขณะนั้นคิดว่ากำลังจะแตกสลายแล้ว...แต่ก็ไม่ ฮิมุโระประหลาดใจที่ทนมองมุราซากิบาระเดินออกไปจากห้องได้ เขาแปลกใจที่กำปั้นคลายลง และยังทำกิจวัตรยามเย็นได้เป็นปกติ แต่เมื่อเช้าเขาก็ตัดสินใจเดินทางจากอากิตะเพื่อมาหาคางามิ

                ยิ่งคางามิใกล้เข้ามากเท่าไหร่ ฮิมุโระยิ่งกระจ่างชัดว่า คำว่าหลบกับหลอกเขาใช้กับใครเสมอมา
                คางามิเปิดประตูเข้ามา หยุดหอบหายใจพักหนึ่ง ตัวเปียกโชก
                ฮิมุโระสวมกอดร่างสูงใหญ่โดยไม่พูดไม่จา ไม่สนความเปียกปอนจากสายฝน
               
                คางามิตกตะลึงครู่หนึ่ง ฮิมุโระกระซิบบางอย่างกับเขา เปลี่ยนดวงตามั่นคงแน่วแน่ให้กระเพื่อมไหว คางามิหลับตาลง โอบร่างของพี่ชายไว้ในอ้อมแขน




                ทาคาโอะเพิ่งทำแผลเสร็จ เขาต้องหันหนีสายตาสำนึกผิดของมิโดริมะบ่อยๆ
                “เลิกมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้วน่า”
                “ฉันขอโทษนะทาคาโอะ”
                ในเวลาปกติทาคาโอะคงจะเห็นว่ามิโดริมะน่ารักอยู่หรอก แต่ตอนนี้อารมณ์เจ็บแผลที่คอทำให้เขาพาลรำคาญนิดๆ และนั่นทำให้มิโดริมะหงอยเข้าไปใหญ่
                “ฉันรักนายนะ ทาคาโอะ”
                ทาคาโอะหน้าแดงแป๊ด “อย่าบอกรักพร่ำเพรื่อจะได้มั้ย”
                “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง” มิโดริมะถามด้วยเสียงจริงจังขึ้น ทาคาโอะกำลังจะตอบว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ยังไงเขาก็รักชินจังอยู่แล้ว ทว่าเขากลับมองเห็นสารสื่อในข้อความเสียก่อน ทาคาโอะเงยหน้ามองมิโดริมะ มิโดริมะกำลังรอเขาตอบอยู่
                เขาควรจะตอบยังไงดีนะ
                ตอนนี้ฉันมีคางามิอยู่นะชินจัง...อย่างนี้หรอ
                ฉันรักชินจังนะ แต่คางามิก็สำคัญต่อฉันเช่นกัน
                ไม่ได้...ตอบแบบนี้ไม่ได้
                “ขอเวลาฉันหน่อยนะชินจัง” ทาคาโอะตัดสินใจเลือกคำตอบนี้ มิโดริมะพยักหน้ารับ พร้อมกับเผยยิ้มจางๆ ที่ทำให้ทาคาโอะใจเต้นด้วยความสุข แต่ก็เจ็บปวดเพราะความรู้สึกผิด
                “ได้สิ ฉันจะรอ”



                ทาคาโอะแยกกับมิโดริมะที่หน้าโรงเรียน มิโดริมะเป็นฝ่ายยืนส่งเขาและมองแผ่นหลังเขาจนลับตาบ้าง ฝนยังคงตกอยู่ ทุกย่างก้าวของทาคาโอะในวันนี้เบาหวิว มิโดริมะรักทาคาโอะ ทาคาโอะสมหวังแล้ว ทว่าเมื่อรองเท้าย่ำลงบนแอ่งฝน ทาคาโอะก็รู้สึกหนักอึ้ง ถ้าเขาขอแยกทางกับคางามิเลยจะดูเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า เป็นนกบาดเจ็บที่บินมาหา พอได้เยียวยารักษาจนแข็งแรงแล้วก็บินจากไป นี่มันแย่สิ้นดี
                แต่ตลอดเวลาสั้นๆ ที่ได้ใช้ร่วมกัน ทาคาโอะรู้ดีว่าคางามิก็เหมือนกับเขา
                คางามิรักฮิมุโระ
                ทาคาโอะรักมิโดริมะ
                วันคืนของเขากับคางามิไม่ใช่ความรัก แต่มันคือความปรารถนาที่อยากจะมีความสุข
                เพราะฉะนั้น ความเจ็บปวดที่เกิดจากอีกฝ่ายจึงไม่มี ความลึกซึ้งดื่มด่ำที่ก่อให้เกิดความหึงหวงก็ไม่มีตามไปด้วย
                ทาคาโอะตัวสั่นใต้ร่มสีเขียวที่มิโดริมะให้เขาใช้กันฝน ร่มสีแดงของคางามิถูกเก็บไว้ในกระเป๋า เขาหุบร่ม ขึ้นรถโดยสาร ยืนตัวโงนเงนขณะจับราวไว้ รถเริ่มแน่นเบียดเสียดด้วยผู้คนจนทาคาโอะตัวลีบ เขายิ้มขอโทษให้หญิงสาวคนหนึ่งที่แขนเขาเผอิญไปโดนตัวเธอ เธอส่ายหน้ายิ้มไม่ถือสา รถขยับเชื่องช้า การจราจรติดขัด ทาคาโอะเมื่อยขา เขาไม่ได้ที่นั่งเสียที พอมีคนลุกเขาก็แสดงน้ำใจให้ผู้หญิงกับเด็กนั่งก่อน จะว่าไปเขายังไม่เคยขึ้นรถเมล์กับคางามิเลยแฮะ ถ้าได้ขึ้นด้วยกัน เขาคิดว่าคางามิคงจะยอมยืนตลอดสายแหงๆ คนอย่างหมอนั่นสะกดคำว่าเห็นแก่ตัวเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้
                รถจอดที่หน้าป้ายก่อนถึงโรงเรียนเซย์รินในที่สุด ทาคาโอะสูดลมหายใจ กางร่มออกไปเผชิญฝนอีกครั้ง พอถึงอพาร์ตเม้นต์ก็เงยหน้ามอง เห็นไฟห้องคางามิเปิดอยู่ ทาคาโอะหดหู่ใจ ไม่รู้ว่าคางามิจะว่ายังไง แต่แอบคิดว่าคางามิยอมปล่อยมือจากเขาแน่ๆ
                ทาคาโอะเศร้ายิ่งขึ้นไปอีกเมื่อคิดได้ว่า มือของพวกเขาไม่ได้จับกันแน่นตั้งแต่ทีแรกแล้ว

                ไขเปิดประตูห้องพักด้วยกุญแจสำรองที่คางามิให้มา ทาคาโอะขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นหอมของไข่เจียว วางร่ม ถอดรองเท้า เดินเข้าไปในห้อง ยิ่งเข้าใกล้ห้องรับแขกยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น ใจของทาคาโอะหล่นแป้ว เขาจำเสียงอีกเสียงหนึ่งได้ ถึงจะเคยได้ยินแค่ครั้งเดียวก็เถอะ มือเท้าของทาคาโอะชา เขาเตือนตัวเองว่าไม่มีสิทธิจะรู้สึกแย่ หากภาพที่เห็นเป็นอย่างที่จินตนาการไว้ ยิ่งง่ายต่อการแยกทาง

                คางามิกับฮิมุโระหยุดคุยกันเมื่อเห็นทาคาโอะปรากฏกายขึ้น คางามิกำลังทอดไข่ และดูเหมือนฮิมุโระกำลังช่วยหั่นผักอยู่ คางามิทำสีหน้าไม่ถูก เหมือนตัวเองถูกจับได้ว่านอกใจทั้งที่เขากับทาคาโอะไม่ได้คบกัน ฮิมุโระทำให้เขาลืมทุกอย่าง คางามิลืมแม้กระทั่งว่าทาคาโอะต้องกลับมาที่ห้อง คำสารภาพของฮิมุโระทำให้คางามิมีความสุขมาก และทำให้คางามิรู้สึกผิดมากในตอนนี้
                ฮิมุโระหันมามองเขาด้วยแววตาสงสัย คางามิเองก็คิดหาคำตอบไม่ทัน ทว่าเป็นทาคาโอะที่ชิงทักทายขึ้นมาก่อน
                “สวัสดีครับฮิมุโระซัง”
                ฮิมุโระกระพริบตางงๆ ก่อนจะยิ้มเป็นมิตรแล้วทักกลับ “ฉันรู้จักนายนะ ทาคาโอะคุงแห่งชูโตคุ”
                “งั้นหรือครับ ฮ่าๆ เขินจัง” เสียงหัวเราะของทาคาโอะดูเป็นธรรมชาติ “พอดีผมเอาของมาคืนคางามิน่ะครับ”
                คางามิผละจากเตา “แป๊บนะทัตสึยะ ฝากจัดการที่เหลือด้วยล่ะ” ถอดผ้ากันเปื้อนออก ฮิมุโระรับตะหลิวต่อจากคางามิ มองทาคาโอะเล็กน้อย แล้วหันไปสนใจกระทะ

                คางามิพาทาคาโอะออกมาจากบริเวณครัวและห้องรับแขก พวกเขายืนหันเข้าหากันตรงทางเดินก่อนถึงประตูห้อง
                “ทาคาโอะ ฉัน...” คางามิเริ่มสนทนาก่อน แต่ทาคาโอะยกมือปิดปากอีกฝ่าย เขาไม่อยากให้คางามิพูดอะไรก็ตามที่สุดท้ายแล้วต้องลงเอยด้วยคำว่าขอโทษ
                ตัดสินใจว่าถ้าจะมีคนผิด ควรเป็นตัวเขาเองมากกว่า ทาคาโอะเงยหน้าฉีกยิ้มให้ กลบแววเศร้าได้หมดจด
                “ชินจังสารภาพรักกับฉันแล้ว เรากำลังจะคบกัน”
                ฟ้าผ่าตอนนั้นพอดี คางามิได้ยินเสียงของฮิมุโระอุทานด้วยความตกใจ แต่ฮิมุโระก็ตะโกนบอกว่าไม่มีอะไร คุยกันให้เสร็จ คางามิจึงตั้งสมาธิกับประโยคบอกเล่าสายฟ้าฟาดที่เพิ่งออกจากปากทาคาโอะ
                ความเงียบกินเวลาเกือบนาที โลกหมุนช้าลง ราวกับบรรยากาศหมืดหม่นกระทันหัน มิติแห่งความว่างเปล่าขยายออกคลอบคลุมเพียงทาคาโอะกับคางามิ พวกเขาตกอยู่ในภวังค์ ได้แต่มองตากันด้วยความอัดอั้นเกินเอื้อนเอ่ย
                “ฉันเอาร่มมาคืนนาย” ทาคาโอะหยิบร่มสีแดงออกจากกระเป๋า และส่งมอบให้
                คางามินิ่งงัน
                ฮิมุโระมาอยู่ข้างกายเขาแล้ว...
                ทาคาโอะสมหวังกับมิโดริมะแล้ว...
                ทาคาโอะดึงแขนคางามิมาแล้ววางร่มกลางฝ่ามือ “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยล่ะ”  ทาคาโอะกลั้นใจพูดออกไป คางามิกำร่มแล้วมองตอบเขาด้วยสายตาที่กลั่นเป็นคำพูดไม่ได้
                เด็กหนุ่มผมดำยังคงยิ้มกว้าง จ้องเขาด้วยดวงตาแจ่มใส
                พักหนึ่ง...คางามิยิ้มบางๆ แสดงออกว่าเข้าใจทุกอย่าง กล่าวด้วยประโยคสั้นๆ แผ่วเบาว่า “นายก็เช่นกัน”
                ทาคาโอะหัวเราะเริงร่า ก่อนจะทำหน้านึกขึ้นได้ “ฉันไปเก็บของก่อนนะ”
                “รอจนฝนหยุดตกก็ได้นี่” คางามิเสนอ แต่ทาคาโอะบุ้ยปากใส่ “ไม่อ่ะ ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอ”
                คางามิแสร้งหัวเราะ ทาคาโอะตีไหล่เขา แล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้อง ตะโกนทักทายฮิมุโระอีกรอบ เขาได้ยินเสียงทาคาโอะเจื้อยแจ้วคุยอย่างสนุกสนาน และฮิมุโระขำคิกคักกับมุกตลกของเด็กหนุ่มชูโตคุ คางามิหวนมองร่มในมือ ทาคาโอะคืนร่มให้เขาแล้ว
                ไม่มีเหตุผลที่ทาคาโอะจะมาหาเขาอีกต่อไป


                คางามิส่งทาคาโอะที่หน้าประตูห้อง พวกเขายิ้มให้กัน ต่างฝ่ายต่างตั้งใจว่ารอยยิ้มนี้จะดูดีที่สุด มีความสุขที่สุด
                “เจอกันในแมตหน้านะ” ทาคาโอะบอก
                คางามิมุ่นคิ้ว “แมตหน้าฉันไม่ได้เจอชูโตคุ”
                “ฉันหมายถึงว่าเจอกันในสนามก็ทักกันบ้าง” ทาคาโอะทำเสียงเหลืออด ก่อนจะก้าวเข้ามา แล้วยื่นมือมาบีบจมูกคางามิ “ไปก่อนนะ” แตะนิ้วชี้กับปลายจมูกเขา
                คางามิได้กลิ่นฝนเจือจาง ไม่ลืมเอ่ยเตือนว่า “เดินทางกลับดีๆ ล่ะ ข้ามถนนก็ระวังรถด้วย”
                “คร้าบผม” รับคำเสียงแจ๋ว “ฉันคงจะคิดถึงอาหารฝีมือนาย” ทาคาโอะเย้า พลางกระซิบ “นายรู้มั้ยว่าชินจังทำอาหารไม่ได้เรื่องเลย เหมือนวางยาพิษใส่คนกินอ่ะ”
                คางามิขำ “นายฝีมือดีอยู่แล้ว ก็ทำให้หมอนั่นกินสิ”
                “ก็คงต้องเป็นอย่างงั้นแหละ” ทาคาโอะกล่าว กำมือชกอกอีกฝ่ายเบาๆ “ไปก่อนนะ”
                “อืม โชคดี” คางามิยกมือขึ้นทำท่าไฮว์ไฟท์ ทาคาโอะแปะมือคางามิ เหมือนเวลาเขาชู้ตลงห่วงได้สำเร็จ
                ผละจากกัน ทาคาโอะเบือนกายไปอีกทาง หยิบมือถือที่สั่นออกจากกระเป๋าเสื้อ กดรับสายโทรเข้าจากมิโดริมะ คางามิหันกลับเข้าห้อง ขานรับฮิมุโระที่เรียกให้มาช่วยจัดโต๊ะทานข้าว

                ฝนนอกอาคารค่อยๆ ซาลง และหยุดโปรยปราย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น