fiction : Rain in your eyes 5
Author : froridy
Relationships : Kagami Taiga x
Takao kazunari / Midorima x Takao / Kagami x Himuro
Fandom : Kuroko no basuke
Warning : Yaoi
Note : -----
Summary: ไม่ถึงนาทีหลังจากนั้น
เขาถอดพาวเวอร์แบงค์คืน แล้วสะพายกระเป๋าวิ่งฝ่าฝนออกไปโดยไม่กางร่ม
“นี่มันเจ็ดครึ่งแล้วนะ
ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก” ทาคาโอะบอกขณะกำลังใส่รองเท้า คางามิยืนแกว่งกุญแจรอล็อคห้อง
“ไปเองได้แน่นะ”
ทาคาโอะพยักหน้า สอดสายเชือกที่ถอดไปซักมาเข้ารูเดิม
“อุ้ย
เชือกขาด” อุทานเมื่อพยายามผูกปมเหมือนที่เคยทำประจำ แต่ตัวเชือกเก่าคร่ำขาดคามือ
เห็นดังนั้นคางามิจึงเปิดตู้รองเท้ารื้อเอาเชือกสำรองออกมาให้ ซึ่งมันมีสีแดง
“อ่ะ” ยื่นให้
“มันจะไม่เด่นไปหรือเนี่ย
แต่ก็ช่างเถอะ” รองเท้าผ้าใบของทาคาโอะเป็นสีขาวปลอดตามระเบียบของโรงเรียนชูโตคุที่เข้มงวดทั้งคะแนนด้านการเรียน
และจิตพิสัย
แต่ยังไม่เคยมีใครถูกเรียนเข้าห้องปกครองด้วยข้อหาเชือกผูกรองเท้าโดดเด่นเกินไป
ทาคาโอะเห็นว่าผูกข้างเดียวไม่เข้าท่า คางามิจึงหยิบอีกเส้นให้
“นายนี่ชอบสีแดงจริงๆ
เลยแฮะ ร่มก็แดง เชือกรองเท้าแดง ผมแดง คิ้วแดง ตาแดง”
ทาคาโอะไล่สีจนมาถึงคุณสมบัติติดตัวของคางามิ
เด็กหนุ่มเกาหัวด้วยท่าทางเก้อเขินนิดหน่อย
“ก็...ไม่เชิง ไม่ได้ชอบสีไหนเป็นพิเศษหรอก แค่...”
คางามิกำลังจะตอบว่าเพราะคิดไม่ออก จึงเลือกของใช้ที่มีสีเดียวกับดวงตา
จะได้แมตกันง่ายๆ ไม่ดูขัดกัน ถึงคางามิจะไม่ได้ใส่ใจแฟชั่นมาก
แต่เขาก็ไม่ชอบแต่งตลกให้เป็นที่ขบขันของใครๆ อ้าปากจะตอบ
ทว่าความคิดกลับสวนทางย้อนกลับไปในความทรงจำ ริมสนามบาสกลางแจ้ง
คางามิในวัยสิบขวบโวยวายเพราะฮิมุโระทำน้ำหกรดตัวเขา แรกๆ
คางามิคิดว่าฮิมุโระตั้งใจกลั่นแกล้งแน่ๆ เพราะน้ำทั้งขวดมันไม่มีทางกระเด็นหวือใส่เขาแบบนั้นโดยบังเอิญ
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดหลังจากที่เขาน้ำตาปริ่มเพราะชุดนี้พ่อซื้อให้
คางามิก็เริ่มคลายความโกรธลง ฮิมุโระเปิดกระเป๋าหยิบเสื้อสีแดงเข้มสกรีนลวดลายเหมือนลูกบาสมาให้เขาเปลี่ยนสวม
จากนั้นก็ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด เดินวนรอบตัวน้องชายไม่แท้
แล้วตัดสินใจมอบหมวกสีแดงอีกใบให้ ฮิมุโระวางหมวกสีแดงแปะบนผมสีดำแดงของเขา
จากนั้นก็ชมเปราะว่าสีแดงทำให้ไทกะดูเปล่งประกายเหมือนเปลวไฟ
ฮิมุโระชอบเปลวไฟเพราะมันเร่าร้อนสวยงาม เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ
คางามิเก็บถ้อยคำเหล่านั้นไว้ในใจจนมันมีอิทธิพลต่อรสนิยมของเขา
อาจเพราะว่าเขาอยากถูกชอบจึงเติมเต็มความต้องการของตัวเองด้วยไฟฝัน
โดยไม่รู้เลยว่าไม่กี่ปีถัดจากนั้น
ไฟแห่งชัยชนะจะเผาไหม้สายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเสียเอง
“นี่”
ทาคาโอะเรียก สะกิดแขนคนที่กำลังเหม่ออยู่ “อ...อ้อ เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ”
ทาคาโอะส่ายหน้า
ถอนใจเอือมๆ “ช่างมันเถอะ นี่เจ็ดโมงสามสิบห้าแล้วนะ”
“โอเค
ไปกัน” คางามิล็อคห้อง
เขายังคิดถึงเรื่องของฮิมุโระไปตลอดทางแม้ว่าทาคาโอะจะคอยชวนคุยระหว่างเดินไปด้วยกัน
พอถึงถนนใหญ่ ทาคาโอะข้ามถนนไปอีกฝั่ง โบกมือให้เขาอย่างร่าเริง
อาทิตย์ขึ้นในทิศที่ทาคาโอะมุ่งไป แสงฉาบทุกวัตถุในสายตาของเขา เงาของสิ่งต่างๆ
เอนมาตกต้องตรงรองเท้าผ้าใบ ก่อนจะยืดยาวขึ้น
ปัจจุบันเหมือนภาพถ่ายที่ร้านถ่ายรูปนำมาวางโชว์ข้างหน้า พื้นผิวราบเรียบสองมิติสะท้อนความรู้สึกของภาพออกมาตามบริเวณที่แสงอาบไล้
และเหือดหายไปเพราะถูกแสงชะล้างจนภาพจางลง
นั่นแหละคืออดีต...แต่อย่างไรก็ตามมันไม่อาจแยกตัวอย่างเด็ดขาดไปจากปัจจุบันได้
และถึงแม้ปัจจุบันจะมีความสุขแค่ไหน อดีตก็จะมาเยี่ยมเราโดยไม่บอกกล่าว เหมือนภาพถ่ายที่มีสีสันต่างกันตามช่วงเวลาและความรู้สึก
พาอารมณ์ให้ดิ่งลงเหมือนย้อนเวลากลับไป ได้สัมผัสกับสุขทุกข์ ณ
ช่วงเวลานั้นอีกครั้ง
คางามิรู้สึกผิดต่อทาคาโอะ
เขามีความรู้สึกพิเศษเกินธรรมดาให้ตั้งแต่ได้โอบร่างสั่นเทาไว้ในอ้อมแขน
ไม่รู้ว่ามันจะเลยเถิดจนถึงเพียงนี้ แต่ว่ามันยังไม่ใช่ความรักอยู่ดี
สำหรับทาคาโอะเองก็คงเหมือนกัน พวกเขาต่างมีรักฝังใจที่เจ็บปวด
พวกเขาต่างก็ไม่ได้ครอบครองคนที่ปรารถนา
แต่นาทีแห่งความสุขสมและหลงใหลในเพศรสเป็นเรื่องจริง
ความอิ่มอกอิ่มใจกับการปฏิบัติต่อกันอย่างอบอุ่นเป็นเรื่องจริง
หากว่าคางามิไม่ได้เห็นทาคาโอะแอบร้องไห้ในวันฝนตก หรือไม่ได้ช่วยหยิบขวดโชยุให้
วันนี้อาจไม่มี และคางามิคงไม่ใช่คางามิอย่างที่เป็นอยู่
ทาคาโอะไม่ใช่ใครอื่นเมื่ออยู่ใต้ร่างเขา
เขาไม่เคยเห็นทาคาโอะเป็นฮิมุโระ เขาเองก็ไม่รู้ว่าบางคราวทาคาโอะจะเห็นเขาเป็นมิโดริมะบ้างไหม
แต่ไม่ว่าจะเป็นเสียงหอบหายใจ เสียงครางแหลมเหมือนแมวที่บางครั้งก็แตกพร่า
กลิ่นกายเฉพาะตัวผสมครีมอาบน้ำ ผิวขาวออกแทนจากการตากแดด เรือนร่างเพรียวกระชับ
เรียวขายาวกอดกระหวัดรอบลำตัวเขา หน้าท้องแบนราบมีรอยพับของมัดกล้ามเล็กน้อย
แผ่นอกแอ่นสะท้อนขึ้นลง
ลำคอระหงเกือบจะเหมือนคอผู้หญิงแต่มีลูกกระเดือกโปนปูดออกมาเมื่อเจ้าตัวแหงนหน้าไปข้างหลัง
ใบหน้าเล็กเหมือนพวกดารานายแบบพริ้มพราย แต่ไม่ได้โดดเด่นถึงขั้นนั้น
เครื่องหน้าสมบูรณ์ไม่มีส่วนใดแข็งกร้าว ที่โดดเด่นสุดคือดวงตา...ตาคมกริบซ่อนเล่ห์ไหวระลอกดังคลื่นน้ำ
ผมสีดำทิ้งตัวแผ่กระจายออกบนหมอน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ส่งเสริมให้ทาคาโอะกลายเป็นภาพวาดมีชีวิตที่เต็มไปด้วยพรและคำสาป
พรของความสุขและความหลงใหล
แต่หัวใจยังถูกสาปจากความรัก
ก็ว่าไปนั่น...คางามิหลุบตามองพื้น
สวมหูฟังเพลง เขาเริ่มจะเพ้อเจ้อขึ้นในระยะหลังนี้
อาจเพราะติดมาจากการฟังคุโรโกะเล่าเรื่องวรรณกรรม ยกเอาเทพปกรณัมป์มาพูดให้ฟังบ่อยๆ
(ถึงตรงนี้คางามิจะแกล้งฟังรู้เรื่องเพื่อให้คุโรโกะจบเรื่องโดยเร็ว
แต่ไม่เคยสำเร็จ)
ครู่เดียวก็ถึงโรงเรียน
คางามิแทรกตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นประตูรั้วกำลังเลื่อนปิด
นึกกังวลไปด้วยว่าทาคาโอะจะไปถึงทันเวลาไหม
เขาสลัดฮิมุโระออกจากหัวสำเร็จเมื่อคิดถึงยามเย็นที่จะใช้ร่วมกันกับทาคาโอะเพียงสองคน
ทาคาโอะปีนรั้วซึ่งปิดเรียบร้อยแล้ว
และวิ่งหลบยามไปตามจุดบอดของสายตา เขาขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว
ผลุบเข้าไปนั่งโต๊ะตอนที่อาจารย์กำลังจะเข้าโฮมรูม พออาจารย์กล่าวทักทายสั้นๆ
เช็คชื่อเสร็จ ทาคาโอะก็แปลกใจเพราะไม่ได้ยินเสียงมิโดริมะขานรับ
เขากลั้นใจเอี้ยวกายหันไปมอง
โต๊ะข้างหลังว่างเปล่า...
เสียงตบมือเกรียวกราวดังขึ้นเมื่ออาจารย์เดินออกจากห้อง
เพื่อนๆ โห่ร้องชื่นชมทาคาโอะ เพราะแอบจับกลุ่มเชียร์ทางหน้าต่างตั้งแต่เห็นทาคาโอะวิ่งหลบยามและซ่อนตัวอย่างช่ำชองเหมือนกับนินจา
“เมื่อวานทำไมหยุดไปล่ะ”
“เพราะไม่มีนาย
เมื่อวานวิชาอิงลิชฉันเลยคะแนนโบ๋เบ๋”
“ห้องที่ไม่มีเสียงนายมันเงียบเหงาจริงๆน้า”
ทาคาโอะหัวเราะกับทุกประโยคกระเง้ากระงอด
เขาแสร้งกอดอก ทำหน้าเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ ประกาศว่า ไอดอลทาคาโอะหวนคืนวงการแล้ว
ทุกคนหัวเราะครืน ผลักหัวตีไหล่ทาคาโอะด้วยความหมั่นไส้
“เออ
ใช่ ทาคาโอะคุง วันนี้มิโดริมะคุงไม่ได้มาหรอ”
“ไม่รู้หมือนกันแฮะ...”
ทาคาโอะตอบเสียงลังเล มุมปากตกลงเล็กน้อย
“อ้าว
ปกติเห็นสนิทกันไม่ใช่หรอ หรือหมอนั่นเล่นแง่อะไรกับนายอีกหรือเปล่า”
“อ่า...ก็ไม่---
ตึง!
ทุกคนสะดุ้ง
ห้องเงียบทันที มิโดริมะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านไม่สนใจใคร
ทาคาโอะไม่ได้หันไปทัก พอมาเจอกับตัวเขาถึงรู้ว่าตัวเองยังไม่พร้อม
จึงได้แต่นั่งนิ่ง ก้มหน้าลงดูเล็คเช่อร์ที่เพื่อนให้ยืมเมื่อกี้
“นี่
ทะเลาะกันหรอ...” เด็กสาวถาม ทาคาโอะส่ายหน้ายิ้มๆ “เปล่าหรอก
ขอบคุณสำหรับเล็คเช่อร์นะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“กลับไปนั่งที่เถอะ
อาจารย์น่าจะใกล้มาแล้ว”
“โอเค
ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนมาถามได้นะ” เพื่อนสลายตัวออกจากรอบโต๊ะทาคาโอะ
กลับไปประจำที่รออาจารย์คาบแรก
ทาคาโอะรู้สึกว่ามีใครจ้องมองเขาตลอดเวลาจนไม่กล้ากระดิกตัว คงจะเป็นมิโดริมะ
ยังโกรธเขาอยู่หรือว่าเขาเข้าใจผิดไปเองกันแน่นะ...
ไม่...ฉันต้องไม่ใส่ใจ
ทาคาโอะเตือนตัวเอง
เขาคิดถึงคางามิ จดจ่ออยู่กับอาหารมื้อเย็น
เขาบอกตัวเองว่ารอเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของคางามิอยู่
ตอนเที่ยงมาถึงอย่างรวดเร็ว
ทาคาโอะหิวซ่ก เขาเห็นมิโดริมะออกไปจากห้องตั้งแต่กริ่งดัง รู้สึกแปล๊บหน่อยๆ
แต่ไม่ได้รุนแรงเหมือนกับตอนแรกแล้ว
เขาไปทานข้าวกลางวันกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่คะยั้นคะยอเขาไม่หยุด
อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าคนเพื่อนน้อยแบบมิโดริมะจะกินข้าวกับใคร
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรสนใจอะไรที่ทำให้เจ็บแล้ว
มิโดริมะเป็นแค่เพื่อนของเขา ตอนนี้ทาคาโอะมีคางามิ
พวกเขาไม่ได้คบหากันอย่างเป็นทางการ
แต่ทาคาโอะรู้ดีว่าคางามิไม่ให้เขาเป็นแค่คู่นอนหรอก เขาเองก็เช่นกัน
คางามิสำคัญกว่านั้น
พอได้กินฝีมือคางามิบ่อยเข้า
กับข้าวที่โรงอาหารก็ไม่อร่อยอีกต่อไป
ทาคาโอะแปลกใจที่คนคิดบวกเป็นส่วนใหญ่อย่างตัวเองแอบวิจารณ์ฝีมือแม่ครัวอย่างเผ็ดร้อน
หวานไป จืดไป เค็มไป ไม่กลมกล่อม คางามิทำอร่อยกว่า สู้คางามิไม่ได้ ชื่อคางามิติดปลายช้อนเขาทุกคำ
ทาคาโอะคิดว่าวันหลังขอให้คางามิทำข้าวกล่องให้ดีกว่า
แย่จังแฮะ...รู้จักคำว่าเกรงใจบ้างมั้ยเนี่ยเรา
มาค้างห้องเขา ป่วนชีวิตวันละหลายชั่วโมง แล้วยังจะขอให้ทำข้าวกล่องอีก
คางามิแสนดีของเขาต้องทำให้แน่ๆ
ถึงจะบ่นนู่นบ่นนี่ก็เถอะ
ทาคาโอะหลุดขำเล็กๆ
ไม่มีใครได้ยิน แต่ตัวเขาสั่นเล็กน้อย ตอนนั้นเองที่มิโดริมะเหลือบสายตามอง
ลมพัดทางหน้าต่างเข้ามาพัวพันผมของคนข้างหน้า เส้นไหมสีนิลพลิ้วกระพือเหมือนปีกกา เผยให้เห็นต้นคอของทาคาโอะ
ผิวยังเรียบเนียนอย่างที่เคยเห็นตอนเจ้าตัวรวบมัดผม เว้นแต่รอยจางสีชมพูใกล้ไรผม
จางจนแทบสังเกตไม่เห็น แต่มิโดริมะรู้ดีว่ามันคือรอยอะไร
เด็กหนุ่มกำมือแน่น
หันหน้าหนี
คางามิเขินอายเมื่อต้องเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อหยิบเงินจ่ายค่ามื้อเที่ยง
ตรงช่องพลาสติกมุมขวาล่างของกระเป๋ามีรูปเขากับทาคาโอะถ่ายคู่กันอยู่
ทาคาโอะดันเลือกรูปอุบัติเหตุหอมแก้มด้วยนี่สิ
เมื่อเช้าตอนกำลังทานข้าวก็เอารูปมาใส่กระเป๋าเขา แถมยังใส่ให้ตัวเองด้วย คางามิอายเพราะไม่เคยชินกับการกระทำหวานแหววแบบคู่รัก
แต่ก็ปล่อยให้ทำเพราะทาคาโอะดูมุ่งมั่งจริงจังจนน่าตลก
ถึงจะแอบคิดว่าดูจริงจังมากเกินจำเป็นก็เถอะ
เหมือนเอาวัตถุมาแทนที่เพื่อย้ำเตือนไม่ให้คิดถึงคนบางคน
“อา...อย่างงี้นี่เอง”
“เฮ้ย! ค...คุโรโกะ!” คางามิรีบปิดกระเป๋าสตางค์ ดีว่าจ่ายเงินไปแล้ว
คุโรโกะเยี่ยมหน้าเข้ามา
ก่อนพยักเพยิดไปที่ถาดอาหารซึ่งแม่ค้าเพิ่งส่งให้ “รับสิครับ”
“อ่ะ...อืม”
คุโรโกะทำให้แม่ค้าตกใจเกือบถาดร่วงเช่นกัน
เขาสั่งราเมน แล้วถือตามคางามิมาวางที่โต๊ะด้วย คางามิดูตั้งสติได้แล้ว เขาวางถาดลง
แกะตะเกียบ เปิดฝาซุบ และก็ถามคุโรโกะไปด้วยว่า “นายหมายความว่ายังไง”
“หมายถึงอะไรครับ”
คุโรโกะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“อย่ามาทำไก๋น่า”
เสียงของคางามิเรียบลง ไม่ตื่นตระหนกแล้ว แต่มีกระแสเร่งร้อน
“คางามิคุง
อันที่จริงแล้วเพราะสิ่งที่ผมเห็นเมื่อกี้ ทำให้สมมติฐานของผมเป็นความจริงขึ้นมาครับ”
คุโรโกะตอบ คางามิย่นหัวคิ้ว “อย่าพูดอะไรที่เข้าใจยากนักเลยน่า บอกมาตรงๆ ขอสั้นๆ
ได้ใจความ”
คุโรโกะถอนใจ “โอเคครับ คางามิคุงคบกับทาคาโอะคุงอยู่ใช่มั้ยครับ”
คางามิตะเกียบร่วง
แม้จะทำใจไว้แล้วก็ตาม เขากระแอม รับตะเกียบคู่ใหม่จากคุโรโกะที่หยิบเกินมา
“ไหนว่าสมมติฐานเป็นจริงแล้ว
นายจะห้อยคำว่าใช่มั้ยมาด้วยทำไมล่ะ”
“คางามิคุงก็ฟังศัพท์ยากๆ
ออกนี่ครับ” คุโรโกะกล่าวอย่างตำหนิ “ทีหลังผมจะไม่แปลญี่ปุ่นเป็นญี่ปุ่นให้แล้ว”
“แต่ฉันใช้ไม่คล่อง”
คางามิบอก “ใจความสำคัญที่ว่าน่ะไม่ใช่แค่นี้หรอก”
“ทำไมจู่ๆ
ก็ฉลาดขึ้นมาล่ะครับ” คุโรโกะถาม แต่ก็ไม่ได้หวังคำตอบแต่อย่างใด เขาเริ่มเล่า
“มิโดริมะคุงติดต่อผมมาเมื่อวานครับ
เขาถามเรื่องทาคาโอะคุงและก็...ที่อยู่ของคางามิคุง”
“แล้วนายได้ให้ไปมั้ย”
“ไม่ครับ”
คุโรโกะตอบ “จะเห็นได้ว่ามิโดริมะคุงสงสัยว่าทาคาโอะคุงคงจะไปค้างบ้านคางามิคุง
ผมเองก็สงสัย เมื่อวานไม่แน่ใจกับการคาดเดามั่วๆ เท่าไหร่
จนกระทั่งรูปถ่ายคู่ของพวกคุณได้ยืนยันความจริงในวันนี้นี่แหละครับ”
“อืม
เข้าใจละ” คางามิทึ่งในทักษะการโยงร้อยเรื่องราวของคุโรโกะ
มันออกมาถูกต้องทุกประการ และคำถามที่ตามมายิ่งเสริมความถูกต้องเข้าไปใหญ่...ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ
“รักสามเส้าหรือครับ”
คางามิยิ้มเนือยๆ
แล้วตอบว่า “ไม่ใช่” คุโรโกะเลิกคิ้ว แต่คางามิไม่ยอมบอกอะไรเพิ่มอีก
เขาจมลงในห้วงคิดอีกอย่างหนึ่ง วันที่เขาพาทาคาโอะเดินหลบไม่ให้เห็นมิโดริมะ และก่อนเขาจะถูกลากเข้าใต้ร่มสีแดง
เขาเห็นมิโดริมะยืนมองอยู่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็กุมมือกับทาคาโอะ
เพราะอยากรู้ว่ามิโดริมะคิดกับทาคาโอะอย่างไร
วันนี้เขาได้คำตอบแล้ว
คางามิตั้งใจจะโทรหาทาคาโอะ
แต่มือถือแบตหมดกะทันหัน
เหงื่อเกาะพราวไปทั่วร่างของสมาชิกชมรมบาสชูโตคุ
ทาคาโอะกับมิโดริมะยังเข้าคู่กันได้ดีแม่ไม่ยอมพูดกันแม้แต่คำเดียว
มันทั้งโล่งใจและน่ากลุ้มใจไปพร้อมกัน มิยาจิรู้สึกปวดหัว เขาโทษมิโดริมะที่มัวแต่งอนไร้สาระ
เขาโทษทาคาโอะที่ไม่ยอมง้อมิโดริมะเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของทีม แต่จะให้ทำยังไงได้
ปัญหาของสองคนนั้นเท่าที่เขาสัมผัสได้ตั้งแต่ต้นเทอมสอง มันหยั่งรากลึกกว่าเก่า
โอทสึโบะก็ดูกังวล แต่ยังเชื่อในตัวเด็กปีหนึ่งสองคนอยู่ เลยไม่ยอมแทรกแซง
ทั้งยังมาห้ามไม่ให้เขาไปแทรกแซงด้วย
บอลอยู่ที่ทาคาโอะ
ทาคาโอะรู้ว่าจะต้องส่งให้มิโดริมะ เขาจึงวิ่งตามอย่างไม่อิดออด ด้วยจังหวะสม่ำเสมอเหมือนเดิม
มิโดริมะส่งสัญญาณให้ เขาก็โยนบอลไป พอบอลลงห่วง พวกเขาก็วิ่งกลับมา
ไม่ได้แปะมือกันแสดงความสำเร็จเหมือนที่เคยทำ เสียงรองเท้า
เสียงบอล แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ทาคาโอะยังได้ยินจากมิโดริมะอยู่
เขาสงสัยว่ามิโดริมะยังจะคอยฟังเสียงของเขาอยู่ไหม จะว่าไปเขาได้ยินเสียงแปลกๆ
อีกอย่างหนึ่ง จากบนเพดาน...ทาคาโอะเงยหน้าดู
พบว่าวัตถุขนาดใหญ่กำลังดิ่งลงมาอย่างไม่คาดคิด มิยาจิตะโกนลั่นให้เขาหลบ ทาคาโอะหลบไม่ทัน
แต่ถูกเหวี่ยงออกมาอย่างแรงโดยมิโดริมะคว้าร่างเขามากอดไว้
แล้วพาล้มกลิ้งออกมาจากจุดที่พัดลมใบพัดตกลงมา
เสียงกระแทกรุนแรงดังปิดท้ายเพราะหัวของมิโดริมะไปชนกับบันไดอัฒจรรย์
“ช...ชินจัง!” ทาคาโอะผุดลุกขึ้น “ชินจัง
ตอบฉันสิ ชินจัง!” มิโดริมะหลับตานิ่วหน้า ปากขยับเบาๆ
ทาคาโอะเอียงหูฟัง
“ไม่...เป็นไร”
ทุกคนวิ่งเข้ามา
โค้ชนาคาทานิเช็คอาการลูกทีมพบว่าหัวไม่แตก ไม่มีส่วนใดบุบสลาย
แต่อาจจะกระแทกแรงจนมึนหัว กระทบการมองเห็นชั่วคราว
จึงให้ช่วยกันพยุงไปที่ห้องพยาบาลให้หมอห้องพยาบาลตรวจอีกทีว่าควรจะต้องส่งโรงพยาบาลไหม
“แค่หัวโนนิดหน่อยค่ะ
ดิฉันยืนยันได้” หล่อนกล่าวขณะคลำศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีเขียว
“โชคดีที่เป็นคนหัวแข็งนะคะ”
“ช่ายๆ
หมอนี่หัวแข็งโครตๆ เลยล่ะ” มิยาจิสำทับ จนโดนรุ่นน้องเขม่นตาใส่ แต่เขาไม่สน
หันมาหาทาคาโอะแล้วสั่งว่า “พวกฉันจะกลับไปจัดการเรื่องที่โรงยิมนะ ทาคาโอะ
ฝากนายดูแลมิโดริมะด้วย”
“ค...ครับ”
ทาคาโอะรับปากอย่างลำบากใจ เขายังไม่พร้อมกับการอยู่ตามลำพังกับมิโดริมะ
แต่มิโดริมะก็เป็นคนช่วยเขาไว้ มิโดริมะนั่งพิงหัวเตียง ถอดแว่น หลับตา
ทาคาโอะนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง เขาไม่รู้จะพูดอะไร
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ”
มิโดริมะกล่าวแทรกบรรยากาศก่อนความเงียบจะมาปกคลุม
ทาคาโอะกุมมือชื้นเหงื่อของตัวเองบนตัก
เขาหลุบตามองต่ำ “ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะชินจัง”
“ฉัน...”
มิโดริมะเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง “หิวน้ำ”
ทาคาโอะรีบลุกขึ้น
“งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อให้นะ รอแป๊บนึง” กระเป๋าสตางค์กลิ้งตกลงตอนที่เขาสะบัดแจ็คเก็ตแล้วเอามาสวมใส่
มิโดริมะกำลังจะอ้าปากบอก แต่ทาคาโอะก็วิ่งไปก่อนแล้ว
เขาจึงได้แต่เขยิบไปข้างเตียง เอื้อมหยิบกระเป๋าลายการ์ตูนขึ้นมา
สงสัยว่าทาคาโอะได้เอามือถือไปไหม จะได้โทรบอก
เงินก็ไม่เอาไป
จะใช้อะไรซื้อน้ำมาล่ะนั่น?
พลันภาพรอยสีชมพูจางบนต้นคอทาคาโอะแวบขึ้นมา
มิโดริมะปล่อยกระเป๋าสตางค์ตก เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามระงับโทสะที่พุ่งพล่านขึ้นมา
ก้มหน้าลงแล้วคิ้วขมวดยิ่งกว่าเก่าเมื่อเห็นภาพที่ทาคาโอะหอมแก้มคางามิ
เสียงแตกเพล้งดังจากในอก
มิโดริมะกำมือแน่น
“ชินจัง
เห็นกระเป๋าสตางค์ฉันบ้างมั้---
อ้าว หายไปไหนแล้ว” มิโดริมะไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว
“ชินจัง---
ทาคาโอะถูกกระชากจากด้านหลัง
แล้วผลักให้ล้มลงไปบนเตียง “ช...ชินจัง!”
มิโดริมะยืนค้ำหัวเขาอยู่
ด้วยสีหน้าเหมือนหุ่นเสื้อผ้า ราบเรียบ ไร้วิญญาณ
มิโดริมะยึดไหล่เขาไว้
แล้วบดริมฝีปากลงมา “ชินจัง นาย---อุ๊บ”
เป็นจูบที่เอาแต่ใจ
รุนแรงและดุดัน ทาคาโอะดิ้นขลุกขลักเพราะหายใจไม่ออก ในใจเขาเต็มไปด้วยคำถาม
ทำไมมิโดริมะถึงจูบเขาล่ะ ทาคาโอะพยายามดิ้นให้หลุด
แต่มิโดริมะเอาแรงมาจากไหนไม่ทราบยึดเขาไว้แน่นขึ้น บีบไหล่เขาแทบแตก
รองรับอารมณ์มืดหม่นที่ลุกโหมราวกับเพลิงไหม้จากมิโดริมะ รสจูบมีเลือดเจือปน
มิโดริมะถอนจูบออก เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ต้นคอขวาของเขาแทน
ความรู้สึกแรกที่ฟันขบลงบนผิวคือเจ็บแปล๊บ ทาคาโอะทุบอกคนที่ชะเงื้ออยู่เหนือร่าง
“ปล่อยนะชินจัง! ฉันเจ็บ!”
มิโดริมะเหมือนถูกปีศาจเข้าสิง
ปกเสื้อขวาของทาคาโอะกลายเป็นสีแดง ทาคาโอะอยากจะร้องเสียงดัง
แต่เขาถูกฉุดรั้งไว้ด้วยจูบอีกครั้ง ทาคาโอะทั้งดิ้นทั้งทุบ
แต่ก็คลายพันธนาการไม่ได้เสียที เขาเริ่มหมดแรง และการเคลื่อนไหวเริ่มแน่นิ่ง
ทาคาโอะปรือตาขึ้น เขาอยากจะถามมิโดริมะว่าทำแบบนี้ทำไม ทว่า...
น้ำตาไหลหลั่งออกมาจากดวงตาสีเขียว
มิโดริมะถอนจูบออก
เขากดหน้าลงกับบ่าของทาคาโอะ โอบแขนกอดไว้อย่างหวงแหน ไหล่ของทาคาโอะเปียกชื้น
มิโดริมะตัวสั่นเหมือนกับเด็กที่ถูกทำร้าย
ราวกับมีดาบแทงทะลุอก
ทาคาโอะรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“ฉันขอโทษนะทาคาโอะ
ฉันขอโทษ”
ทาคาโอะกระพริบตา
น้ำเอ่อมาล้นอยู่ที่ขอบตาเขาแล้วร่วงเผาะ เขาค่อยๆ ยกแขนขึ้นโอบรอบแผ่นหลังสั่นเทา
“ฉันรักนาย”
มิโดริมะบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนแทบจับความไม่ได้
ทาคาโอะสะอื้นตัวโยน
ฝนตกปรอยๆ
ไม่หนักมากนัก คางามิกำลังเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัว เขารู้สึกเป็นห่วงทาคาโอะ
ตอนนี้โทรศัพท์เขากำลังชาร์ตแบตด้วยพาวเวอร์แบงค์ที่ยืมมาจากรุ่นพี่คิโยชิอยู่
ขณะกำลังพับเสื้อเข้ากระเป๋า ก็มีข้อความเข้า
คางามิรีบกดดูเมื่อเห็นเป็นข้อความของฮิมุโระ ทัตสึยะ
ไม่ถึงนาทีหลังจากนั้น
เขาถอดพาวเวอร์แบงค์คืนคิโยชิ แล้วสะพายกระเป๋าวิ่งฝ่าฝนออกไปโดยไม่กางร่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น