fiction : Rain in your eyes 4
Author : froridy
Relationships : Kagami Taiga x
Takao kazunari / Midorima x Takao
Fandom : Kuroko no basuke
Warning : Yaoi
Note : -----
Summary: แว่วได้ยินเสียงนักข่าวพยากรณ์อากาศจากโทรทัศน์
รายงานว่าพรุ่งนี้อาจจะมีพายุเข้า
“วันนี้นายควรจะหยุดพักนะ” คางามิพูดขึ้นตอนที่รูดม่านออก
แสงแดดทะลุเข้ามาฉาบบนผนังห้องสีขาวจนดูเหมือนถูกอาบย้อมด้วยน้ำผึ้ง
หน้าต่างเปิดแง้มเล็กน้อยเพื่อให้ลมยามเช้าพัดผ่านเข้ามา
ถ่ายเทอากาศให้คนที่นอนซมอยู่บนเตียง
ทาคาโอะพลิกกายนอนหงาย
“ปวดไปหมดทั้งตัวเลยอ่ะ” บ่นพลางเอาแขนก่ายหน้าผาก
เขาหลับไปก่อนเลยไม่รู้ว่าคางามิย้ายเขามาที่เตียงตั้งแต่เมื่อไหร่
เพราะตื่นอีกทีก็เช้าแล้ว คางามิบอกว่าซักเสื้อผ้าให้ตั้งแต่เมื่อคืน
ตอนนี้น่าจะแห้งแล้ว แต่ยังไงก็ตามทาคาโอะควรจะหยุดเรียน
“ไหนดูซิ
ไข้ลดแล้วนี่” คางามิทาบมือบนหน้าผากเขา จากนั้นก็มุ่นคิ้วพิจารณา
“หน้าผากนายนอกจากจะกว้างแล้วยังสูงอีกแฮะ ระวังหัวล้านตอนแก่นะ”
“โอโห
คำทักทายหวานๆ ตอนเช้า กระชุ่มกระชวยหัวใจดีเหลือเกิน” ทาคาโอะประชดประชัน
คางามิหัวเราะในลำคอ เอามือผละไปโอบร่างอีกฝ่ายเข้ามาแทน และจูบหน้าผากเบาๆ “อยากอาบน้ำมั้ย
หรือจะเช็ดตัว”
“อาบดีกว่า
จริงๆ นี่ก็ดีขึ้นแล้วนะ”
“ก็ไข้จากฝนน่ะหายแล้ว
แต่...” คางามิเว้นเสียง ก่อนจะแสร้งถามด้วยสำเนียงใสซื่อว่า
“แต่...นายจะเดินไหวหรอ”
ทาคาโอะตีหมอนใส่คางามิทันที
“บ้า! เออ
หยุดพักวันนึงก็ได้ พอใจมั้ยเล่า” ระดมตีหมอนใส่ไม่หยุด คางามิหลบเลี่ยงพัลวัน
“เฮ้ยๆ อย่าสิ โอ้ย ฉันจะไปทำอาหารเช้าแล้วนะ ไปอาบน้ำเลย!”
คางามิดันหมอนกลับจนทาคาโอะหงายหลัง แล้วเดินดุ่มออกจากห้องไป
ทาคาโอะเอาหมอนออกจากหน้า สูดลมหายใจแล้วบ่นขมุบขมิบ ร้าวระบมไปทั้งร่างจากอาการไม่สบาย
แต่คางามิเมื่อวานก็อ่อนโยนเหลือเชื่อ
ทาคาโอะไม่อยากจะเชื่อว่าครั้งแรกของเขาเป็นของผู้ชาย
(ถึงคนที่เขาแอบรักจะเป็นผู้ชายก็เถอะ) แต่มันไม่ได้เลวร้ายเลย
นั่นอาจจะเพราะว่าเป็นคางามิ ทาคาโอะจึงสามารถตื่นขึ้นมาได้ แล้วกล้ายังกล้ามองตัวเองในกระจก
ที่ผนังห้องตรงข้ามกับเตียง
ทาคาโอะมองตัวเองที่ยังทอดกายพิงพนักเตียงอยู่ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ เขาก้มสำรวจตัวเองพบว่าคางามิทิ้งร่องรอยไว้เพียงเจือจางเท่านั้น
ไม่นานคงลบเลือนหายไป
ทาคาโอะลุกขึ้น คว้าผ้าขนหนูที่คางามิพาดไว้ให้ข้างๆ เขาเดินกะท่อนกะแท่นไปเข้าห้องน้ำ
ส่วนคางามิกำลังเริ่มทำอาหารเช้า
ข้าวผัดอเมริกันส่งกลิ่นหอมตอนที่ทาคาโอะอาบน้ำเสร็จ
เขาสวมชุดของคางามิแล้วเดินเข้ามาทางข้างหลังของชายร่างสูงใหญ่
นึกชมชอบทุกสัดส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยเฉพาะไออุ่นที่แผ่ออกแม้ไม่ได้หันมา
ทาคาโอะจึงก้าวเข้าไปสวมกอดจากข้างหลัง
รัดเอวอีกฝ่าย กดจมูกลงระหว่างสะบัก
อา...กลิ่นก็หอมสะอาด
ใจไม่ได้ละลาย
ไม่ได้เต้นอย่างบ้าคลั่ง แต่คางามิให้สัมผัสที่เหมือนการปกป้องของครอบครัว
และการเข้าอกเข้าใจอย่างเพื่อน แต่เมื่อมารวมอยู่ในความสัมพันธ์ คำว่าเพื่อนก็นำมาใช้อธิบายไม่ได้
คางามิตกใจเล็กน้อย
แต่เขาก็ยังคงทำในสิ่งที่ต้องทำต่อไป คือก้มลงปิดเตา หยิบจานมาสองใบ
ตักข้าวในกระทะใส่ ทาคาโอะยังคงเกาะแกะเขาอยู่ไม่ยอมปล่อย
“อยากทานอะไรอีกมั้ย”
คางามิถาม
ทาคาโอะสวมกอดให้แน่นขึ้น
“แค่นี้ก็พอละ พาฉันไปที่โต๊ะหน่อยสิพี่ชายย” ลากเสียงอ้อน คางามิหัวเราะ
เขายกจานสองใบพร้อมกับเดินลากทาคาโอะที่เกาะเขามาด้วย คางามิวางจานลงบนโต๊ะ
ตบแขนให้ทาคาโอะปล่อยและไปทานข้าวได้แล้ว ทาคาโอะคลายแขนอย่างเสียดาย
แล้วไปนั่งฝั่งตรงข้าม เช้านี้เขาเจริญอาหารขึ้น
แถมยังชวนคางามิจ้ออย่างร่าเริงอีกต่างหาก ทั้งยังเตือนเมื่อคางามิกินเพลินจนลืมเวลา
ลุกเก็บจานให้ หยิบกระเป๋ากับร่มให้ แล้วไปยืนส่งหน้าห้อง
“ไปดีมาดีนะ”
โบกมืออวยพร ด้วยความที่ใส่เสื้อตัวใหญ่ของคางามิซึ่งยาวเกือบคลุมเข่า
ฉากเลยออกมาทะแม่งๆ และรอยจางๆ บนคอทาคาโอะทำให้เขาหน้าแดง
ทาคาโอะหัวเราะยกใหญ่เมื่อจับได้ว่าสายตาของคางามิอยู่ที่ไหน
แล้วสะท้อนความคิดทำนองไหนออกมา จึงเข้ามาสวมกอดเขาอีกรอบ
“เดี๋ยวฉันทำอาหารเย็นรอนะ”
เขย่งกระซิบข้างหู พร้อมกับจุ๊บแก้มด้วย คางามิหน้าแดงแจ๋ แต่ก็หอมเขากลับเร็วๆ
ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไป พอประตูห้องปิด
ทาคาโอะก็วิ่งย้อนไปที่หน้าต่างห้องรับแขก เขาชะโงกหน้ามองลงไปจากระเบียง
สักพักก็เห็นคางามิเดินสะพายกระเป๋าออกมาจากตัวอาคาร
“ยู้วฮูววว”
ทาคาโอะตะโกน คางามิสะดุ้งเงยขึ้นมองแล้วยกนิ้วชี้จุ๊ปากเป็นเชิงห้าม
ก่อนจะโบกมือให้ ทาคาโอะโบกมือกลับ ส่งยิ้มทะเล้น
แล้วคางามิก็ส่งยิ้มหล่อเหลากลับมา ทาคาโอะวางแขนลงบนราวระเบียง หัวเราะคิกคักอย่างเขินอาย
จนกระทั่งคางามิกลับถนนไปฟากตรงข้าม เห็นแผ่นหลังไกลลิบ
ทาคาโอะจึงย้ายจุดโฟกัสมาที่ท้องฟ้า
เขารับรู้ว่าตัวเองกำลังมีความสุข
แต่เขาก็ไม่ได้ลืมเรื่องที่ใจสลายเมื่อวาน
มุมปากเขาตกลงอีกครั้ง
หลับตาเมื่อลมพัดผ่านใบหน้าและเส้นผม สลัดความหน่วงหนักออก สนใจลำดับประเด็นว่าเขาควรจะทำอะไรก่อนระหว่างล้างจาน
กับส่งข้อความหารุ่นพี่ว่าจะหยุดสักวัน
การไม่เจอหน้ามิโดริมะในทันทีคงจะเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเขาที่ยังคงไขว้เขวอยู่ด้วย
ทาคาโอะกลับเข้ามาในห้อง
มองหาโทรศัพท์ คางามิวางรวมกับทรัพสินย์อื่นๆ ของเขาไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโทรทัศน์
เมื่อวานเขาก็ลืมนึกไปตอนเดินตากฝนว่ามือถือจะพังไหม
พอไปหยิบเครื่องมาเปิดเช็คพบว่ายังใช้ได้ปกติ
“หืม...”
คางามิส่งข้อความมา บอกว่ากระเป๋าเงินอยู่ในห้องซักรีด ทาคาโอะขมวดคิ้ว
สงสัยว่าทำไมเข้าไปอยู่ในนั้นได้ จึงไปสำรวจห้องซักรีดซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องซักผ้า
กะละมัง และอุปกรณ์ทำความสะอาดทั้งหลาย แต่ภาพที่เด่นที่สุดคือ พัดลมตัวเล็กซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้เพื่อเป่าพวงไม้หนีบที่หนีบแบงค์หลายใบสะบัดพรึบไปมา
ทาคาโอะอ้าปากค้าง เข้าใจว่าฝนตกจนเปียกไปหมด แต่คางามิถึงขั้นเอาเงินออกมาตากแห้งให้เลยหรอ
ยิ่งเห็นยิ่งซาบซึ้งใจ ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย
“โอ้ยย
ฮ่าๆๆ” ทาคาโอะกุมท้องตัวเอง ยิ่งเห็นพัดลมตัวน้อยเป่าแบงค์ที่มีใบหน้าบุคคลสำคัญของญี่ปุ่นให้เพยิบพยาบ
สะบัดเป็นธงชาติ เขายิ่งหยุดขำไม่ได้ ยกมือถือถ่ายภาพเก็บไว้ แล้วก็ขำต่ออีกระลอก
ด้านคางามิที่ใกล้ถึงโรงเรียนแล้ว
เขาจามสามรอบ “นี่ฉันติดหวัดหมอนั่นหรือไงเนี่ย” บ่นพำพัม แต่ลึกๆ ก็คิดว่าไม่ใช่
“มีคนคิดถึงคางามิคุงมั้งครับ”
คุโรโกะทักอย่างไม่ทันตั้งตัว และคางามิก็ตกใจตามเคย “เจ้าบ้า”
“คางามิคุงน่าจะชินได้แล้วนะครับ”
คุโรโกะกล่าวเสียงเรียบ คางามิเลิกคิ้วใส่ “เอ้า ตกลงฉันผิดใช่มั้ยเนี่ย”
“คางามิคุงผิดที่เดินยิ้มซ้ายยิ้มขวาจนคนอื่นเขากลัวกันหมดแล้วครับ”
คางามิหยุดเดิน
เขายกมือจับหน้าตัวเอง พบว่าโหนกแก้มกำลังยกอยู่ “ไม่รู้ตัวเลยแฮะ”
คุโรโกะทำหน้าประหลาดใจ
“เจอเรื่องดีๆ มาหรอครับ”
คางามิยกมือข้างหนึ่งลงมาวางบนผมสีฟ้า
แล้วขยี้เล่น “ก็คงงั้นแหละ”
“อย่าสิครับ
คางามิคุง” คุโรโกะเอ็ด ผมเขายิ่งจัดทรงยากอยู่ด้วย คางามิยักคิ้วให้เขาแล้วคลี่ริมฝีปาก
คุโรโกะอึ้งไปเล็กน้อย นี่ไม่ใช่คางามิในเวลาปกติจริงๆ ด้วย
“ไปห้องพยาบาลมั้ยครับ...”
คางามิสับสันมือกลางผมสีซีดของคู่หูร่างเล็ก
“นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่”
จู่ๆ มิยาจิก็บุกมาที่ห้องเรียนปีหนึ่ง แล้วยื่นมือถือที่เอามาจากโอทสึโบะให้ดู
มิโดริมะกระพริบตาเล็กน้อย “ครับ?” มิยาจิหงุดหงิดใส่ ไม่สนสายตาเด็กปีหนึ่งทั้งห้อง “ฉันหมายถึงว่าทำไมทาคาโอะส่งข้อความมาลาหยุดกับโอทสึโบะแบบนี้
ปกติหมอนี่ไม่เคยลาหยุด มันได้บอกอะไรนายมั้ย”
มิโดริมะหลุบตาลงมองหนังสือบนโต๊ะ
“ไม่ครับ” ทาคาโอะไม่ได้ส่งข้อความหาเขาเลย และนั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
มิยาจิใช้กำปัดงัดคางรุ่นน้องจอมซึนขึ้นมา
“นี่ยังไม่คืนดีกันใช่มั้ย ถามจริง นายโกรธอะไรหนักหนาฮะ?”
มิโดริมะปัดมือออก
มิยาจิรีบพูดดักไว้ “อย่ามาใช้ประโยคที่ว่า ‘ไม่ใช่เรื่องของรุ่นพี่’ กับฉันด้วย
นี่มันเป็นเรื่องของทีม ว่าไง โกรธอะไรหมอนั่น หรือถ้านายไม่กล้าขอคืนดี
เดี๋ยวฉันช่วย บอกมาสิ อมพะนำอะไรอยู่”
คนเป็นรุ่นน้องถอนหายใจ แล้วเหลือบสายตาคมกริบขึ้นมองตอนที่มิยาจิเอ่ยว่า
“ฉันคิดว่าคนที่ควรจะเป็นฝ่ายขอโทษคือนายแล้วแหละ ไม่เห็นหรอว่าเมื่อวาน ทาคา---
ปึง!
มิโดริมะทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ
ถึงแม้จะยังทำหน้าเย็นชาอยู่ แต่ดวงตาเดือดจัด มิยาจิตกใจเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็แสยะยิ้ม
“ทำไม? มันมีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหมล่ะ
อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ...แต่ก็เอาเถอะ นั่นมันเรื่องของพวกนายสองคน...”
“ไม่ใช่สอง...”
“หืม?” มิยาจิได้ยินไม่ชัด
แต่มิโดริมะไม่พูดซ้ำ “อาจารย์ใกล้จะมาโฮมรูมแล้ว กลับห้องก่อนเถอะครับ”
“นี่กล้าไล่รุ่นพี่เลยหรอ? เอาเถอะ
ฉันก็เบื่อที่จะกล่อมคนหัวดื้ออย่างนายเหมือนกัน อ้อ เย็นนี้เลิกสี่โมงเหมือนเดิมนะ
ปีสามมีประชุม นายไปเยี่ยมหมอนั่นสักหน่อยก็ดี ทาคาโอะไม่สบายน่ะ”
มิยาจิทิ้งท้ายด้วยเสียงเบื่อหน่าย เหมือนย้ำว่าเขาต้องสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไป
และนั่นทำให้มิโดริมะขุ่นมัวมากกว่าเดิม เขาอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
อาจจะเรียนไม่รู้เรื่องตลอดวันนี้เลยก็ได้
มิโดริมะกดปากกาลงกับกระดาษเพื่อจดเล็คเชอร์
แต่ก็เผลอกดแรงจนทะลุ เขาทรมานตัวเองมาหลายวันด้วยภาพของคนสองคนใต้ร่มสีแดงกลางฝน
เขารู้สึกระแวงตั้งแต่ทาคาโอะสนทนากับคางามิก่อนจะแยกย้ายไปแข่ง
สองคนนี้ไม่ใช่พวกที่จะมาสนิทสนมกันได้ ทางเดินมันวกมาชนกันเมื่อไหร่เขาไม่เห็นรู้
เชื้อไฟน้อยนิดเมื่อตอนนั้นโหมไหม้ในวันที่เขาโทรหาทาคาโอะเพื่อโทรชวนไปหาซื้อลัคกี้ไอเท็ม
ทาคาโอะปฏิเสธเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บอกจะไปเที่ยวกับเพื่อนต่างโรงเรียน มิโดริมะวางสายใส่ด้วยความโมโห
เขาไม่ง้อก็ได้ จึงแต่งตัวออกจากบ้านไปหาซื้อของเอง ตอนที่เขาเดินทางมาจนถึงหน้าร้านอาหารอิตาเลี่ยนตามพิกัดแผนที่ก่อนถึงร้านขายของเก่าระบุไว้
มิโดริมะคิดว่าเห็นคนคล้ายๆ ทาคาโอะถูกลากไปโดยชายร่างสูงผมแดง
เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะคิดว่าไม่น่าใช่ จนกระทั่งซื้อของเสร็จเรียบร้อย
เตรียมจะกลับบ้าน ต้องเดินทางผ่านห้างสรรพสินค้า ท่ามกลางความพร่ามัวของฝน บนฟุตบาตเบื้องหน้าห่างไปไม่กี่ช่วงแขน
เขาเห็นทาคาโอะกางร่มสีแดงให้คางามิ ไทกะ
มือของสองคนนั้นกุมกันบนด้ามร่ม
สีหน้าของทาคาโอะมีความสุขสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ เด็กหนุ่มโดดเด่นราวกับดวงอาทิตย์
ทาคาโอะไม่เคยมีสีหน้าแบบนี้ตอนที่อยู่กับเขา
โลกของมิโดริมะถล่มลง
ไม่ว่าจะความมั่นคงหรือความเชื่อมั่น คันร่มจึงตกจากมือที่อ่อนเปลี้ย หยดน้ำจากฟ้าบดบังสายตาของเขา
แต่มันก็บังไม่มิด
สายไปแล้ว...งั้นหรือ?
เฝ้าถามตัวเองเสมอมา
ใช่...อาจจะใช่
มิโดริมะให้คำตอบตัวเองในวันนี้
เขาจำสีหน้าทาคาโอะเมื่อวานได้ดี ถ้าดวงตาสีเทาคือแก้ว
มันก็คงแตกตอนที่จ้องมองเขาด้วยแววรวดร้าว มิโดริมะรู้เสมอว่าทาคาโอะคิดยังไงกับเขา
ถึงทาคาโอะจะพยายามปิดบังก็ตาม แต่เพราะความสับสนไม่แน่ใจเขาจึงรักษาระยะห่างไว้
เขาทำเมินเสียงจากส่วนลึกที่พยายามเตือนสติบอกพร่ำว่าเขาควรจจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
ควรจะยอมรับความจริงแค่ไหน ที่สำคัญ
เขาไม่ควรจะทำให้ทาคาโอะเสียใจอีก
กว่าจะรู้ตัวว่ายิ่งทำลายประกายแสงในดวงตาของทาคาโอะไปเท่าไหร่
หัวใจก็เต้นแผ่วลงเท่านั้น ทาคาโอะก็ก้าวออกจากเงาของเขาไปแล้ว
มิโดริมะกำมือแน่น
ไม่
มันยังไม่จบ เขารับไม่ได้
คลายมือออก
ถอนหายใจ ฝ่ามือเป็นแผลเพราะเล็บจิกเข้าเนื้อ
อย่าไปจากฉันเลย...
การซ้อมชะงักเพราะฝนอีกตามเคย
คุโรโกะว่าจะรอฝนให้ซาลงก่อน ในขณะที่คางามิใจร้อนจะฝ่าฝนกลับเหมือนเมื่อวาน
ดีว่าคราวนี้คางามิเตรียมร่มใหญ่มากาง แถมยังเอาร่มรุ่นพี่โคกาเนอิมาคืนด้วย
คุโรโกะสงสัยว่าพักนี้คางามิทำตัวแปลก แต่เขาไม่ละลาบละล้วง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
และไม่ส่งผลเสียต่อทีม
“คุโรโกะ
มือถือนายดังน่ะ” ฟุริฮาตะตะโกนบอก คุโรโกะขานรับขอบคุณ แล้วเปิดกระเป๋าตัวเอง
ชื่อมิโดริมะขึ้นหรา
นานๆ ที เพื่อนร่วมทีมคนนี้ถึงจะโทรมา นี่ขาดลัคกี้ไอเท็มอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย? เขาคิดก่อนกดรับ “ครับ มิโดริมะคุง”
‘คุโรโกะ ฉันมีเรื่องจะถาม’
“ครับ
ถามมาได้เลย แต่เสียงดังหน่อยนะครับ ฝนตกหนักผมไม่ค่อยได้ยิน”
คุโรโกะคะเนจากเสียงฝนกระทบพื้นนอกโรงยิมผสมกับเสียงฟ้าร้อง
‘อ่า...คือว่า
เมื่อครู่นี้ฉันไปบ้านทาคาโอะ...แล้วทาคาโอะ...เอ่อ ไม่อยู่บ้าน แม่ของทาคาโอะบอกว่าหมอนั่นไปค้างบ้านเพื่อน..แล้วก็...”
“เดี๋ยวนะครับ”
คุโรโกะเอ่ยขัด มิโดริมะอารัมภบทยาวมาก และพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
“ทำไมคุณถึงมาถามผมล่ะครับ”
มิโดริมะกระแอม
‘แม่หมอนั่นเล่าว่าเมื่อตอนใกล้เที่ยง
หมอนั่นกลับมาขนเสื้อผ้ากับหนังสือไปค้างบ้านเพื่อนต่อ’
คุโรโกะขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่ามิโดริมะหมายถึงอะไร
และต้องการจะถามเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีชื่อทาคาโอะติดมาด้วยก็ไม่รู้
“อธิบายให้ชัดเจนหน่อยได้มั้ยครับ”
ได้ยินเสียงถอนใจยาวเหยียดของมิโดริมะ
‘ช่างมันเถอะ’
วางสายทิ้งไป
คุโรโกะลดมือที่ถือโทรศัพท์ลง มิโดริมะยังชอบทำให้คนรอบข้างหัวหมุนอยู่ตามเคย
แต่...การที่โทรมาหาเขาพร้อมด้วยเรื่องของทาคาโอะ ไม่น่าใช่เรื่องผิดพลาด
มิโดริมะคุงคิดว่าทาคาโอะคุงจะมาค้างบ้านเขาหรือ...
สักพักก็มีเสียงไลน์เตือน
มิโดริมะส่งข้อความมา ถามว่า ‘บ้านของคางามิอยู่ที่ไหน’
คุโรโกะจึงเชื่อมโยงเรื่องน่าปวดหัวนี้เข้ากับคู่หูของตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ยอมบอกที่อยู่ของเพื่อนไป
ทาคาโอะทำอาหารมื้อเย็นเสร็จพอดีตอนคางามิมาถึงที่ห้อง
เขาทำอาหารญี่ปุ่นแบบอลังการโดยไปซื้อวัตถุดิบเพิ่มจากซุปเปอร์มาเก็ตหลังจากไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านด้วย
ระหว่างช่วยกันจัดโต๊ะ เขาก็อ้อนว่าขอค้างที่นี่ต่อ ซึ่งคางามิก็ไม่ได้ขัดข้อง
บอกดีซะอีกมีคนช่วยทำงานบ้าน ทาคาโอะเลยบุ้ยปากใส่ มื้อเย็นผ่อนคลายและสนุกสนาน
หลังทานข้าวล้างจานเสร็จ ทาคาโอะก็ช่วยสอนการบ้านคางามิด้วย
ปกติเขาก็ไม่ใช่เด็กตั้งใจเรียนหรอก แต่เพราะความไม่ถนัดภาษาญี่ปุ่นของคางามิทำให้เขาได้มีโอกาสเป็นคุณครูกับเขาบ้าง
เขาสอนไป แอบแทรกมุกตากแบงค์ของคางามิไปด้วย แน่นอนว่าทำคางามิอายจนค้อนควับใส่เขา
บอกแค่ว่าหวังดี กลัวหมึกบนแบงค์ละลายจนใช้ไม่ได้ เลยตากให้ ทาคาโอะทุบโต๊ะไปขำไป
พวกเขาผลัดกันอาบน้ำ
มานั่งพิงกันดูข่าว ฝนซาแล้วเสาอากาศจึงรับสัญญาณได้ พวกเขาดูข่าวการเมืองในรัฐสภา
แล้วก็เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ คางามิแกล้งเปลี่ยนช่องติดๆ กัน
เพื่อให้ทาคาโอะนำคำพูดแต่ละเรื่องของแต่ละช่องมาต่อกันเป็นมุกตลกเรื่องเดียวกัน
“อะแฮ่ม
ฟังข้ามคำว่าตี๊ดไปนะ” ทาคาโอะกระแอม พร้อมบอกกติกา ก่อนจะดัดเสียงแหลมปี๊ด
“สวัสดีค่ะ
ท่านผู้ชมทุกท่าน วันนี้ดิฉันขอนำเสนอข่าว ตี๊ด--- คู่รักดาราประกาศหมั้นกลาง ตี๊ด--- สวนสัตว์เชียงใหม่ประเทศไทยยินดีที่ได้ลูกแพนด้าตัวน้อยนามว่า ตี๊ด---
ฟ้าไพศาลอันกว้างใหญ่ โบยบินไปให้สุดขอบ ตี๊ด---กางเกงในแอร์โรว์ ชั้นในที่ผู้ชายเลือก ---ตี๊ด รับประทาน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของวัยหมดประจำเดือน...”
“ฮ่าๆๆ”
คางามิขำเสียงดัง “ตกลงมันคือข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับคู่รักที่หมั้นกลางสวนสัตว์เชียงใหม่ประเทศไทยที่ได้ลูกแพนด้าชื่อว่าฟ้าไพศาลที่โบยบินไปจนสุดขอบกางเกงในแอร์โร่ที่ผู้ชายวัยหมดประจำเดือนเลือกรับประทานสินะ
โอ้ยยย ผู้ชายหมดประจำเดือนเนี่ยนะ ฮ่าๆๆ”
“ที่งี้สรุปคล่องเชียวนะ”
ทาคาโอะล้อ ถองศอกใส่ พวกเขาจ้องตากัน แล้วหัวเราะใส่กันอีก
ก่อนจะจบลงด้วยอาการเหนื่อยหอบ ทาคาโอะเอนพิงคางามิ ไถศีรษะใส่ คางามิบอกว่าจั๊กจี้
ทาคาโอะจึงช้อนหน้าจิกตาใส่ แต่คางามิคิดว่ามันดูเหมือนลูกนกที่กำลังงอนมากกว่า
จนคางามิอดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อน ทาคาโอะเผยอกลีบปาก ยอมรับการรุกล้ำ
เขาไม่ได้สังเกตุเลยว่ามือถือบนโต๊ะสว่างวาบและสั่นครืด
มิโดริมะกดตัดสายทิ้ง
แล้วโทรใหม่อีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝั่ง
เขาฟังเสียงระบบอัตโนมัติอย่างท้อใจ
จึงกดวาง คว่ำจอกับโต๊ะทำงาน แล้วเขาก็วางหน้าผากลงบนสมุดการบ้าน
ดวงตาหลังแว่นหรี่ลง
แว่วได้ยินเสียงนักข่าวพยากรณ์อากาศจากโทรทัศน์
รายงานว่าพรุ่งนี้อาจจะมีพายุเข้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น